ไทยคม ยื่นไอซีทีขอรื้อสัมปทาน เสนอเช่าดาวเทียมแทนสร้างดวงใหม่

ไทยคม ยื่นไอซีทีขอรื้อสัมปทาน เสนอเช่าดาวเทียมแทนสร้างดวงใหม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ไทยคมยื่นไอซีทีแก้สัญญาสัมปทาน ขอเช่าดาวเทียมแทนสร้างของใหม่ พร้อมมองหาพันธมิตรร่วมทุน-หาช่องทางเปลี่ยนมือธุรกิจ รมว.ไอซีทีสั่งทีมงานเร่งหาข้อสรุปด่วน วิตกไทยคม 1-2 หมดสภาพกลางปีหน้า ขืนไม่มีดาวเทียวใหม่ทดแทนผู้ใช้บริการ-รัฐเสียประโยชน์ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดในแวดวงผู้ประกบกิจการโทรคมนาคมว่า บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานดาวเทียมไทยกำลังพยายามเสนอขอแก้ไขสัญญาสัมปทานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยจะขอเปลี่ยนการเช่าใช้ดาวเทียมแทนการสร้างดาวเทียมดวงใหม่หรือไทยคม 6 ที่จะเข้ามารองรับไทยคม 1 และ 2 ที่จะหมดอายุในกลางปี 2553 ขณะเดียวกันบริษัทไทยคมกำลังเปิดหาพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจ หรืออาจเปลี่ยนมือธุรกิจให้กับผู้ลงทุนรายอื่นไปเลย เนื่องจากการลงทุนสร้างดาวเทียมดวงใหม่นั้นต้องใช้งบประมาณสูงถึง 4-6 พันล้านบาท

นายนิมิตร ดำรงรัตน์ ที่ปรึกษา ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ไอซีที กล่าวยอมรับว่า ร.ต.หญิงระนองรักษ์ได้สั่งการเร่งด่วนให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาสรุปแนวทางจัดหาดาวเทียมสื่อสารทดแทนดาวเทียมไทยคม 1 และ 2 ตลอดจนพิจารณาการขอแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัทไทยคม แม้ ร.ต.หญิงระนองรักษ์จะไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาทำงานที่ชัดเจน แต่ระบุว่าต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนสิงหาคม เพื่อที่จะนำเรื่องเข้าหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

ทั้งนี้ ในการประชุมนัดแรกของคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีนายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงไอซีที เป็นประธาน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงแนวทางดังกล่าว ในเบื้องต้นเห็นว่าการที่บริษัท ไทยคม ขอแก้ไขสัญญาครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ นับตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาสัมปทานตั้งแต่ปี 2534 ที่แม้จะมีการแก้ไขสัญญาถึง 6 ครั้ง แต่เป็นเรื่องที่ไม่มีสาระสำคัญที่มีผลกระทบมากนัก แต่ครั้งนี้ต้องถือเป็นวาระแห่งชาติต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)

เราเห็นว่าข้อเสนอของบริษัทไทยคม ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด จึงต้องพิจารณาเอกสารสัญญาสัมปทานที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2534 อย่างรอบคอบอีกครั้ง เพื่อให้ได้ทางออกที่ดีกว่า โดยเห็นว่าสิ่งที่ต้องคงไว้คือเจตนารมณ์เดิมของการเข้ามารับสัมปทาน ซึ่งทรัพย์สินทุกอย่างจะต้องตกเป็นของรัฐ ไม่ใช่แค่เป็นสัญญาเช่าเท่านั้น

นายนิมิตรกล่าวว่า นโยบายเกี่ยวกับดาวเทียม โดยเฉพาะไทยคม 1 และ 2 ที่จะหมดอายุในปีหน้า ควรจะมีการเร่งหาทางออกรองรับไว้ตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว ไม่ควรปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ดาวเทียมไทยคม 5 เองการรองรับการใช้งานค่อนข้างเต็มที่แล้ว อีกทั้งการจะสร้างดาวเทียมไทยคม 6 ต้องใช้ระยะเวลาถึง 33 เดือน หากปล่อยให้ถึงเวลานั้นผู้ใช้บริการรวมถึงรัฐจะเสียประโยชน์อย่างมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook