บลจ.ธนชาตจวกการเมืองทุบลงทุนทรุด!

บลจ.ธนชาตจวกการเมืองทุบลงทุนทรุด!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บลจ.ธนชาตฯ ชี้การเมืองทุบภาพรวมการลงทุนในประเทศทรุด ผู้ลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจ เบนความสนใจสู่ประเทศอื่นในภูมิภาค แนะกระจายความเสี่ยงลงทุนต่างประเทศ สบช่อง 5 เดือนที่เหลือ ออกกองทุนFIF ดูดเงิน พร้อมออกกองใหม่ 2-3 กอง ตั้งเป้า AUM ปีนี้ที่ 1 แสนล้านบาท

นายตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด ให้ความเห็นว่า ภาพรวมการลงทุนในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง รัฐบาลไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้มาตรการ หรือแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

ในขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติมีการชะลอลงทุน เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ และหันไปให้ความสนใจกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน อาทิ อินโดนีเซีย ซึ่งมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่องหลังสิ้นสุดการเลือกตั้งภายในประเทศ อย่างไรก็ตามบริษัทหวังว่า หลังจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นดังเช่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการปิดสนามบิน หรือปิดถนนประท้วง พร้อมกันนี้ แนะนำว่า ผู้ลงทุนไม่ควรที่จะลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ควรที่จะกระจายความเสี่ยงไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวม ณ เวลานี้ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ในระดับต่ำ และจะยังไม่มีการปรับขึ้นในปีนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นในปี 2554 แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้ ภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นเป็นลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวมาจากการที่รัฐบาลของแต่ละประเทศต่างให้ความสำคัญในเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความมั่นใจของผู้บริโภคเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้ลงทุนกล้าที่จะรับความเสี่ยงจากการลงทุน ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นผลดีต่อตลาดโลก และภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวม และมั่นใจว่ารัฐบาลแต่ละประเทศจะไม่ยอมให้วิกฤติเศรษฐกิจ การเงินเกิดขึ้นดังที่แล้วมา

แต่ในขณะเดียวกัน มีการประมาณการว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะไม่สดใสเท่าที่ควร ซึ่งจะประสบกับสถานการณ์การฟื้นตัวอย่างช้าๆ หรือที่เรียกว่า Slow Recovery โดยมีสาเหตุหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สมดุลของโลก (Global Rebalancing) เกิดจากการบริโภคเกินตัว ซึ่งก่อให้เกิดหนี้สิน, การบริโภคที่โตช้า และมีแนวโน้มที่จะชะลอตัว, กำลังการผลิตทั่วโลกไม่เต็มกำลัง, รัฐบาลมีภาระหนี้สินมาก ส่งผลให้ดอกเบี้ยตึงตัว และการที่เศรษฐกิจของจีนอาจจะชะลอตัว หลังมีอัตราการเติบโตอย่างร้อนแรงช่วงที่ผ่านมา

ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาตฯ กล่าวว่า ช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปี บริษัทจะโฟกัสการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยจะมีการนำเสนอกองทุนใหม่ที่ลงทุนในต่างประเทศ(กองทุนFIF ) ประมาณ 2-3 กองทุน มูลค่าเฉลี่ย 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ประมาณ 1,650 ล้านบาท) ต่อกอง ส่วนกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลียังคงทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะกองทุนดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นว่า ช่วงปลายปี ผู้ลงทุนจะมองหาโอกาสการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ส่งผลให้แต่ละบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแก่ผู้ลงทุน โดยบริษัทมองว่า ช่วงครึ่งปีหลัง การแข่งขันในตลาดจะค่อนข้างรุนแรง ซึ่งการดำเนินธุรกิจจะไม่ง่ายนักหากเทียบกับช่วง 6 เดือนแรก แต่มองว่ายังมีโอกาส และช่องทางในการทำตลาดได้ นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้ที่ 100,000 ล้านบาท โดยขณะนี้บรรลุเป้าหมายแล้วที่ 97,000 ล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook