เบี้ยประกันชีวิตรวมสิ้นไตรมาส 2 ปี 2552 โตต่อเนื่อง 15.5%
บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวร์รันส์ จำกัด จำนวน 40,469.2 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 33.7 อันดับ ที่ 2 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 16,416.3 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 13.7 อันดับที่ 3 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 10,759.0 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.0 อันดับที่ 4 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 9,580.6 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.99 และ อันดับที่ 5 บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 9,552.5 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.97
หากจะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัทประกันชีวิต ซึ่งพิจารณาเฉพาะเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ในเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2552 ปรากฎว่า เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ (New Business Premium) มีทั้งสิ้น 39,480.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันจำ7,098.9 ล้านบาท อัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 21.9 แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก 27,357.6 ล้านบาท และเบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว 12,122.9 ล้านบาท บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่รวมสูงสุด หรือมีการขยายงานใน 6 เดือนแรกของปี 2552 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวร์รันส์ จำกัด จำนวน 9,001.5 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 22.8
อันดับที่ 2 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 4,828.9 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 12.2 อันดับที่ 3 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 4,559.7 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.5 อันดับที่ 4 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,788.2 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.6
อันดับที่ 5 บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,694.1 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.4 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าในปี 2552 นี้ อันดับบริษัทที่พิจารณาจากเบี้ยประกันชีวิตรับรวม และพิจารณาจากเบี้ยประกันชีวิตเฉพาะรายใหม่ (พิจารณาการขยายงานของบริษัท) เป็นอันดับเดียวกัน ต่างกันเฉพาะการเพิ่มหรือลดของส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) เท่านั้น
ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับรวมเมื่อสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2552 ที่สูงถึงร้อยละ 15.5 นั้น สมาคมมีความมั่นใจว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2552 ธุรกิจประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เมื่อต้นปีอย่างแน่นอนซึ่งเดิมสมาคมได้ประมาณการว่าสิ้นปี 2552 เบี้ยประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ10.6 สาเหตุที่ธุรกิจประกันชีวิตไทยยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากภาคธุรกิจได้พัฒนากลยุทธ์ในการดำเนินงานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ กรบริการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่ายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนากลยุทธ์ของช่องทางการขายผ่านธนาคาร (Bancassurance) และการขายผ่านทางโทรศัพท์ (Tele marketing) ซึ่งในอนาคตการขายผ่านธนาคารอาจจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่าการขายผ่านตัวแทนก็ได้ เนื่องจากจำนวนเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ของการขายผ่านธนาคารมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสิ้นไตรมาส 2 พบว่ามีสัดส่วนการตลาดถึงร้อยละ 47.3 (แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก สัดส่วนการตลาดร้อยละ 39.6 เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว สัดส่วนการตลาดร้อยละ 64.5) มากกว่าช่องทางการขายผ่านตัวแทน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดเพียงร้อยละ 43.5 (แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก สัดส่วนการตลาดร้อยละ 50.1 เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว สัดส่วนการตลาด ร้อยละ 28.1) สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ฝ่ายข้อมูลเพื่อการพัฒนาธุรกิจ สมาคมประกันชีวิตไทย โทรศัพท์ 02- 287-4596-8 ต่อ 110 หรือ Download ข้อมูลสถิติได้จาก www.tlaa.org