สดศรียันลงมติฟัน 44 ส.ส.ถือหุ้นสัมปทานรัฐ 18ส.ค. จี้จัดหมวดหมู่หุ้นต้องห้าม

สดศรียันลงมติฟัน 44 ส.ส.ถือหุ้นสัมปทานรัฐ 18ส.ค. จี้จัดหมวดหมู่หุ้นต้องห้าม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่กกต.จะนัดพิจารณาลงมติในวันที่ 18 สิงหาคม กรณี 44 ส.ส.ที่อาจถือหุ้นกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากภาครัฐ ซึ่งอาจเป็นการกระทำต้องห้ามมาตรา 48 ประกอบ มาตรา 265 (2) (4) แห่งรัฐธรรมนูญ ว่า ยืนยันว่าวันดังกล่าวสามารถลงมติได้ แต่ยังมีข้อตำหนิที่จะคุยกันอีกว่า ยังมีรายละเอียดของสำนวนบางส่วนที่ยังเก็บไม่หมด ก็แล้วแต่กกต. ซึ่งยังไม่ได้จัดหมวดหุ้นสื่อว่าหุ้นใดเข้าข่ายหรือไม่เข้าข่าย

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะขอมติจากที่ประชุมกกต.เพื่อขยายเวลาในการจัดหมวดหมู่ให้อนุกรรมการหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่ต้องยืดเวลาแล้ว เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้เรียกอนุกรรมการชุดดังกล่าวมาดูแล้วว่ามีข้อบกพร่องอะไรให้ดำเนินการให้ครบถ้วน ซึ่งทางอนุกรรมการก็ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการให้ครบถ้วนจัดหมวดหมู่ให้ถูกต้องก่อนเสนอเพิ่มเติมเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะหาก กกต.เรียกมาตรวจดูก่อนจะถึงวันพิจารณาลงมติก็ง่ายกว่าจะมาตรวจในวันที่พิจารณา เพราะอนุกรรมการต้องไปดูรายงาน ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ด้วยว่าเป็นหุ้นอะไร ซึ่งได้บอกทางอนุกรรมการไปแล้วให้จัดหมวดหมู่ จึงเป็นเรื่องที่จะเสนอเพิ่มเติมต่อกกต.ได้อยู่แล้ว

นางสดศรี กล่าวว่า ส่วนจะมีบริษัทเข้าลักษณะต้องห้ามที่ต่างจากกรณีของ 16 ส.ว.และ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ส่วนใหญ่พบว่าจะเป็นบริษัทต้องห้ามที่ซ้ำกับกรณีของส.ว.และส.ส.ที่กกต.เคยพิจารณาไปแล้ว แต่ก็มีบางบริษัทที่เพิ่มเข้ามาใหม่ว่าเป็นบริษัทที่ส.ส.จะต้องไม่ถือหุ้นดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้กกต.จะต้องดูว่าการจัดหมวดหมู่ของอนุกรรมการว่าหุ้นตัวใดเป็นหุ้นกู้และหุ้นสามัญหรือไม่ อีกทั้งความเห็นของกกต.ไม่จำเป็นต้องยืนตามอนุกรรมการเสมอไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook