ต้องผ่าตัด
วงค์ ตาวัน
ทายเอาไว้ไม่ผิด เขียนไปเมื่อ 2 วันก่อนว่า หลังโผ 152 นายพลรอดพ้นการเปลี่ยนแปลงด้วยมติก.ตร.ปกป้องเอาไว้ได้ แต่โผระดับพ.ต.อ.ลงไป รัฐบาลอาจมีท่าทีบางประการต่อโผชุดนี้
รวมทั้งเมื่อพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กลับจากจีนมานั่งทำงานในวันจันทร์ อาจมีเรื่องสนุกๆ อีก เพราะไม่ตรงกับที่นายกฯประกาศไว้ให้ลาไปราชการถึงวันที่ 14 ส.ค.
แล้วก็มีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้นจริง โดยไอเดียเด็ดล่าสุดของนายกฯ จะส่งผบ.ตร.ไปภาคใต้
จึงเป็นไปตามที่คาดเดาเอาไว้ล่วงหน้า ว่า 1.โผชุดเล็กจะเป็นปัญหาใหม่อีก และ 2.การกลับมาจากจีนของพัชรวาทจะเกิดความขัดแย้งกับนายกฯอีก
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ คนอารมณ์ดีๆ พอจะมองเป็นเรื่องสนุกๆ ได้
แต่คนขี้รำคาญอาจจะบอกว่า อะไรกันนักกันหนา!?
ปัญหาสำคัญที่สุด ในภาวะความขัดแย้งไม่รู้จบระหว่างนายกฯกับผบ.ตร.
อย่าทำให้ข้าราชการตำรวจสับสนจนไม่เป็นทำการทำงาน
ถ้าระบบงานตำรวจชะงักงัน ไม่มีสายตรวจสายสืบออก ปราบปรามโจรผู้ร้าย
ความเดือดร้อนจะเกิดกับชาวบ้าน!
แม้แต่โผ 152 นายพล ที่ก.ตร.ยืนยันตามมติเดิม ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯในทันทีที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ส.ค.
แต่ไม่ชัดเจนว่า แล้วจะให้ทั้ง 152 นายพล ไปปฏิบัติหน้าที่ได้เมื่อไร จะมีคำสั่งให้ไปรักษาราชการในตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้ง ก่อนหรือไม่
เพราะบรรยากาศอันอึมครึมที่ปกคลุมสำนักปทุมวัน ทุกอย่างมัวซัวไม่รู้อะไรเป็นอะไร
ต้องรอให้นายกฯกับผบ.ตร.สงบศึกกันให้ได้ก่อนอย่างนั้นหรือเปล่า
ความเสียหายต่อระบบราชการตำรวจ และผลกระ ทบที่จะเกิดกับประชาชน
ใครจะรับผิดชอบ!!
ส่วนที่บรรดาตำรวจใหญ่นอกราชการรวมตัวกันต่อต้านอำนาจการเมืองอยู่ในขณะนี้
ล้วนมีประสบการณ์ความรู้ในระบบตำรวจ
ผ่านวิกฤตถูกการเมืองบีบคั้นมาหลายสมัย
น่าจะสรุปรวบรวมให้เป็นเรื่องเป็นราว นำเสนอ การแก้ปัญหาให้เป็นระบบ
จะแก้ไขกฎหมาย แก้ไขโครงสร้างองค์กร เพื่อให้ปลอดพ้นการเมืองให้ได้ ผลักดันเป็นหน่วยงานมืออาชีพจริงๆ ก็น่าจะทำให้จริงจัง
เลิกเล่นเกมชิงอำนาจแบบยุคใครยุคมันเสียที!