พท.จี้มาร์ค ปลดกอร์ปศักดิ์-น้อง

พท.จี้มาร์ค ปลดกอร์ปศักดิ์-น้อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แฉพิษงบชุมชน มท.1กำชับผู้ว่าฯ เร่งยอดต้านฎีกา จันทร์นี้ทะลุ 5 ล.

มท.โชว์ยอดผู้ลงชื่อถอน-ต้านฎีกาช่วยแม้ว วันที่สี่มีผู้มาร่วมลงชื่อ 1.4 ล้านคน ยอดรวมทั้งสิ้น 3.4 ล้าน มั่นใจวันจันทร์นี้ทะลุ 5 ล้านคนแน่ ตั้งเป้าทุกอำเภอต้องได้ 2 พันคน ที่บุรีรัมย์เนวินจัดให้ ชุมนุมใหญ่แสดงพลังต้านฎีกา พร้อมมอบรายชื่อประชาชนกว่า 5 แสนรายชื่อ ชวรัตน์สั่งผู้ว่าฯตั้งโต๊ะล่าชื่อโดยไม่ให้หยุดเสาร์-อาทิตย์ ลั่นยื่นประกบเสื้อแดงทุกที่ เพื่อไทยบุกจี้มาร์คยื่นหนังสือให้ปลดกอร์ปศักดิ์-น้องชาย-ผอ.สำนักเศรษฐกิจพอเพียง ชี้พิรุธน้องชงโครงการ-พี่อนุมัติเงินให้ เหลิมรุดชี้แจงกกต.กรณีขึ้นเวทีหาเสียงระบุหัวหน้าพรรคตัวจริงอยู่ดูไบ อ้างแค่ปล่อยมุขสร้างสีสัน ประกาศจันทร์นี้ให้รอฟังแฉรัฐบาลตอง 6เตรียมแฉทุกเรื่อง

พท.ยื่นมาร์คปลดกอร์ปศักดิ์-น้อง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 ส.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พร้อมด้วยนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้มายื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ปลดนาย กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน และนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.โครงการฯ และนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผอ.โครงการฯ ออกจากตำแหน่ง โดยมีร.อ.ทวิช ศุภวรรณ ผอ.ส่วนประสานงานมวลชน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯจัดการปลดบุคคลทั้งสาม เพื่อให้การตรวจสอบการทุจริตในโครงการ ปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง หาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ตามกฎหมาย และขอเรียกร้องให้นายกฯออกมาชี้แจงกรณีระบุพบว่ามีการทุจริตในระดับท้องถิ่น เพราะเกรงว่าจะเกิดการตัดตอน ไม่ให้เรื่องมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ โดยจะเหลือคนผิดแค่ระดับท้องถิ่น และไม่เกินระดับ ส.ส.โดยไม่สามารถสาวถึงตัวผู้บงการ

ชี้พิรุธน้องชงขอ-พี่อนุมัติเงิน

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่านอกจากนี้นายกฯต้องชี้แจงถึงความโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้เงิน 2.1 หมื่นล้านบาทในการอนุมัติโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นที่นายกอร์ปศักดิ์ แต่งตั้งน้องชายขึ้นเป็นรองผอ. มีอำนาจอนุมัติโครงการที่สำคัญมากกว่าผอ.โครงการ ซึ่งน่าสังเกตว่าอาจจะมีความไม่โปร่งใส ให้น้องอนุมัติโครงการแล้วพี่เป็นคนอนุมัติเงิน นอก จากนี้ให้ตรวจสอบเรื่องที่นายกอร์ปศักดิ์ และนายสุมิทระบุได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าได้ไปแจ้งความดำเนินคดีจริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยจะนำข้อมูลที่ตรวจสอบมาได้ยื่นให้นายกฯหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนและแถลงว่าพบการทุจริต แต่ยังไม่ดำเนินการใดๆ พรรคคิดว่าเป็นการบิดเบือนประเด็น โดยโยนให้เป็นความผิดระดับท้องถิ่น จากนี้ตนจะไปยื่นเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษให้จัดการตรวจสอบต่อไป หากนายกฯยังเพิกเฉยอาจจะยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช.โดยจะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบในประเด็นทางกฎหมาย ให้เกิดความถูกต้องก่อนดำเนินการ เพราะอยากรู้ว่านายกฯจะเป็นคุณชายสะอาดอย่างที่บอกเอาไว้หรือไม่

ยื่นดีเอสไอสอบซ้ำ-ล็อกสเป๊ก

จากนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ พร้อมกลุ่มส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้นำข้อมูลหลักฐานไปยื่นร้องเรียนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน หรือชุมชนพอเพียง โดยเชื่อว่ามีการทุจริตเชิงนโยบายของนักการเมืองระดับชาติ ซึ่งการทุจริตเกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า คณะทำงานตรวจสอบของพรรคได้ตรวจสอบพบว่าสินค้าบางอย่างมีการล็อกสเป๊ก และมีการทุจริตและประพฤติมิชอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะที่กระบวนการตรวจสอบที่รัฐแต่งตั้งขึ้นมีลักษณะเหมือนตรวจสอบกันเอง และโครงการนี้ถือเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย พรรคจึงอยากให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะมีการกระทำเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน เพื่อหาประโยชน์ และเอื้อประโยชน์ให้เอกชน เพื่อขายสินค้าในราคาแพงในชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณครั้งนี้ รวมทั้งโครงการนี้ได้รับการจัดสรรงบถึง 21,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีการเบิกจ่ายไปหลายพันล้านบาทแล้ว

ด้านพ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนจากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น หากเรื่องมีมูลความผิดจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาเป็นระดับชั้น เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอ สั่งการว่าจะให้สำนักคดีใดในดีเอสไอรับผิดชอบ

ชุมพลโต้บิ๊กสุ-ยันปชป.ไม่มีมุ้ง

วันเดียวกัน นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้กรณีพล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ ระบุนายอภิสิทธิ์ควบคุมพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ว่า พล.อ.สุจินดาคงไม่ค่อยรู้เรื่องในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตนในฐานะประธานส.ส.ยืนยันว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่กลมเกลียว ไม่ได้มีมุ้งเล็กมุ้งใหญ่อย่างที่พล.อ.สุจินดากล่าวหา ดังนั้น การควบคุมพรรคของนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคจึงไม่มีปัญหา หรือการบริหารงานในรัฐบาล นายกฯก็มีอำนาจเต็ม ไม่มีใครมาครอบงำได้ และไม่มีลับ ลวง พราง การสั่งงานของนายกฯไม่มีกระทรวงไหนไม่ปฏิบัติตาม จึงอยากให้คนที่ออกมาวิจารณ์ให้โอกาสรัฐบาลบ้าง เพราะถ้าดูตามจริงจะพบว่ารัฐบาลนี้เข้ามาบริหารงานในช่วงวิกฤต และช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาผลงานรัฐบาลเริ่มปรากฏเป็นรูปธรรมและประชาชนเริ่มพอใจในผลงานของรัฐบาล

เทพไทซัดแม้วใส่ร้ายรัฐบาล

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เขียนข้อความในทวิตเตอร์โจมตีรัฐบาลขัดขวางการล่ารายชื่อถวายฎีกาว่า พ.ต.ท.ทักษิณใส่ร้ายโดยไม่มีข้อเท็จจริง การอ้างว่าชาวบ้าน ทหาร ตำรวจไปฟ้องนั้น คนเหล่านี้เป็นใคร รู้เบอร์โทร.ส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างไร ยืนยันว่ารัฐบาลไม่บังคับให้ประชาชนถอนชื่อ เพราะรายชื่อที่ลงไปไม่รู้ว่ามีใครบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณสร้างกระแสให้เห็นว่ารัฐบาลขัดขวางคนเสื้อแดง กุข่าวเพื่อยึดพื้นที่สื่อ

นายเทพไทกล่าวว่า คำประกาศแกนนำเสื้อแดงที่ว่าวันที่ 17 ส.ค.จะระดมคนให้มากกว่าวันที่ 8 เม.ย.นั้น คนไทยทุกคนกังวล เพราะการชุมนุมวันที่ 8-13 เม.ย.เป็นไปอย่างสงบและสันติหรือไม่ ครั้งนี้ยังปลุกระดมเหมือนตอนชุมนุมสงกรานต์เลือด แม้กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าเมื่อถวายฎีกาแล้วจะยุติการเคลื่อนไหว แต่บางคนกลับระบุว่าจะเคลื่อนไหวอีกโดยเฉพาะการชุมนุมสัญจรในพื้นที่ต่างจังหวัด กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการกวนน้ำให้ขุ่น ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล ทั้งที่การแถลงผลงาน 6 เดือนของรัฐบาล นายกฯบอกว่ามีสัญญาณในทางที่ดี ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในรูปตัว V กำลังเชิดหัวขึ้น แต่หากกลุ่มคนเสื้อแดงยังป่วน เศรษฐกิจจะกลายเป็นตัว W ขอวิงวอนให้การถวายฎีกาเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศพ้นวิกฤต

ปชป.โชว์รถไฮเทคต้านฎีกา

เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นำรถไฮเทคต้านฎีกาแดง มาจอดไว้บริเวณหน้าบ่อปลาคาร์พ อาคารรัฐสภา 1 โดยรถกระบะคันดังกล่าวถูกดัดแปลงช่วงท้ายให้ปรากฏภาพและข้อความเคลื่อนไหวได้ 3 ด้าน ด้านละ 16 ภาพ ภาพละ 3 วินาที มีข้อความต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดง และพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่เคลื่อนไหวล่าชื่อถวายฎีกา ทั้งนี้ รถคันดังกล่าวยังสามารถใช้เป็นเวทีปราศรัยได้อีกด้วย

นายวัชระกล่าวว่า รถคันดังกล่าวใช้งบเพียง 750,000 บาท เป็นเทคโนโลยีจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนรับทราบถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ถือเป็นคันแรกของประเทศไทย ซึ่งนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม สนใจและสั่งผลิต 1 คันเพื่อนำไปวิ่งในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้สั่งให้ทำรถคันนี้ใช่หรือไม่ นายวัชระกล่าวว่าไม่มีใครสั่งตนให้ทำอะไรได้ การกระทำครั้งนี้ตนคิดเองทำเอง

เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าหากมีการยื่นถวายฎีกา พ.ต.ท. ทักษิณอาจไม่ได้กลับมาประเทศไทยอีก เพราะหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย พ.ต.ท.ทักษิณควรห้ามปรามกลุ่มเสื้อแดงไม่ให้เกิดขั้น ตนเคยขอร้องไปยังพ.ต.ท.ทักษิณหลายครั้งแล้ว เพราะไม่ต้องการให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ขอ บอกว่าตนเอาจริงแน่ ถ้าวันที่ 17 ส.ค.มีกลุ่มเสื้อแดงแม้แต่คนเดียวนำรายชื่อยื่นถวายฎีกา ตนจะเอาเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณแน่

คุณทักษิณจะโดนผมฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน หากกลุ่มเสื้อแดงยื่นรายชื่อถวายฎีกา เพราะผมมีหลักฐานที่เป็นทั้งภาพและเสียงที่จะเอาผิดได้แน่ นายเกียรติกรกล่าว

ชทพ.ชี้แก้ปัญหาการเมืองเหลว

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา เวลา 13.30 น. นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงรัฐบาลแถลงผลงาน 6 เดือนว่า การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจถือว่าสอบผ่าน เพราะมีดัชนีชี้วัดต่างๆว่าเศรษฐกิจกำลังเขยิบตัวสูงขึ้น แต่สิ่งที่พรรคเป็นห่วงคือการแก้ปัญหาทางด้านการเมืองการปกครอง ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาของพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น การแก้ปัญหาการเมืองจึงได้แค่ 5.0 จากคะแนนเต็ม 10 เพราะวันนี้รัฐบาลยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ใดๆที่ชัดเจน ความรู้สึกของประชาชนยังแตกแยกอย่างมาก เช่น การถวายฎีกาของกลุ่มเสื้อแดงและการคัดค้านการถวายฎีกา พรรคอยากเห็นการแก้ไขปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจควบคู่กันไป ไม่เช่นนั้นประชาชนและข้าราชการบางส่วนจะไม่ทำอะไรเลย ใส่เกียร์ว่าง เพราะยังรอพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา ดังนั้น นายกฯต้องทำอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าคุมสภาพการเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ตู่อัดบิ๊กสุพ้นคุกเพราะนิรโทษ

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงพล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯระบุคนเสื้อแดงถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการไม่สมควร เพราะเรื่องการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ควรดึงสถาบันลงมาว่า พล.อ.สุจินดาเป็นคนโชคดี เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อปี 2535 พล.อ.สุจินดาออกพระราชกฤษฎีกานิรโทษกรรมให้ตัวเอง ทั้งที่ในเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 40 คนและผู้สูญหายอีก 40 คน หากไม่มีกฎหมายฉบับนั้นพล.อ.สุจินดาจะถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตายและวันนี้จะใช้ชีวิตอยู่ในคุก ซึ่งเรื่องนี้แตกต่างกับพ.ต.ท.ทักษิณโดยสิ้นเชิง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดอำนาจและถูกกลั่นแกล้งใช้กระบวนการ อยุติธรรมเล่นงาน ดังนั้น พล.อ.สุจินดาควรเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณบ้าง เพราะตัวเองได้ผ่านพ้นเหตุการณ์ในอดีตมาแล้ว

บิ๊กจิ๋วเชื่อมั่นในน้ำพระทัย

วันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดงจะยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณว่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละฝ่าย ท้ายที่สุดตนเชื่อในน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่าจะมีพระราชวินิจฉัยเป็นเช่นไร การยื่นฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น อยู่ที่สาระของฎีกาว่าจะมีสาระสำคัญมากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดในช่วงนี้ คืออยากให้ทุกคนลดความขัดแย้งและใช้หลักกฎหมายเข้ามาแก้ปัญหา รวมถึงอยากเห็นรัฐบาลทำงานต่อไป โดยมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด และเชื่อว่าในอีกไม่นานนี้ประเทศไทยจะกลับมามีความสุขอีกครั้ง ขอให้ทุกคนอดทน ส่วนอนาคตทางการเมืองจะกลับมาเล่นหรือไม่นั้น ตนอายุมากแล้ว เล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียวยังแย่

จิ้นสั่งล่าชื่อต้านฎีกาไม่มีวันหยุด

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสั่งการให้ผู้ว่าฯ ตั้งโต๊ะรับลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณและลงชื่อถอนตัวจากการร่วมลงชื่อว่า เรื่องนี้ผู้ว่าฯต้องดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ ทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพื่อให้บริการแก่ประชาชน เท่าที่ทราบตัวเลขคร่าวๆขณะนี้มีประมาณ 2 ล้านกว่าคนแล้ว ส่วนรายชื่อที่ได้มาทั้งหมดจะยื่นประกบตามฎีกาของกลุ่มเสื้อแดง ไม่ว่าจะยื่นไปที่ไหนเราจะยื่นตาม หากยื่นไปสำนักราชเลขาธิการ เราจะยื่นตาม ทั้งนี้ การยื่นดังกล่าวไม่ใช่การยื่นต่อต้านถวายฎีกา แต่ยื่นรายชื่อประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วไปร่วมลงชื่อ เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดีจึงมาถอนชื่อ เราจึงจะนำรายชื่อนั้นยื่นตามไปเพื่อให้ตัดรายชื่อออก และเชื่อว่าจะทำให้ตัวเลขไม่ถึงตามที่กลุ่มเสื้อแดงระบุว่ามี 5 ล้านคน

นายชวรัตน์กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าสุดท้ายจะไม่มีการยื่นรายชื่อถวายฎีกา เพราะสิ่งที่ทำขึ้นเป็นเพียงการสร้างกระแส ซึ่งแกนนำกลุ่มเสื้อแดงทราบดีว่าการกระทำดังกล่าวสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

ปัดข่าวเนวินดันเด็กนั่งปลัดมท.

นายชวรัตน์กล่าวถึงกระแสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ตัดสินใจจะผลักดันให้นายมานิต วัฒนเสน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงแทนนายวิชัย ศรีขวัญ ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย.นี้ว่า ยังไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ และยังไม่ได้ตัดสินว่าจะเอาใคร

เมื่อถามว่าหากนายเนวินต้องการให้นายมานิตเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย จะทำได้หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ถ้าจะเอาอย่างนั้นเขาก็ต้องบอกผม แต่ตอนนี้เขายังไม่เคยคุยกับผมเรื่องนี้ เมื่อถามว่าหากนายมานิตมาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยจริง ข้าราชการในกระทรวงจะรับได้หรือไม่ เพราะอาจถูกมองเป็นเรื่องการเมือง นายชวรัตน์กล่าวว่าใครที่เหมาะสมจะมาเป็นปลัดกระทรวงนั้นจะต้องพิจารณาและฟังเสียงจากหลายส่วน

แดงเชียงใหม่3หมื่นลั่นบุกกรุง

เวลา 08.30 น. ที่สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ.เมืองเชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำดีเจ.และสมาชิกกลุ่มเสื้อแดง 3 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับเข้ามอบตัวกรณีปิดล้อมและใช้ก้อนอิฐและระเบิดปิงปองขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และหน้าสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ โดยมีนายวิทยา ทรงคำ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ใช้ตำแหน่งส.ส. ประกันตัวให้กับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน วงเงินรวมกัน 300,000 บาท

นายเพชรวรรตกล่าวว่าสำหรับการยื่นถวายฎีกาวันที่ 17 ก.ค. คาดว่ากลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่จะไปกันเยอะ ผู้ลงชื่อแสดงความจำนงจะไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ แสดงพลังว่าไม่ได้ถูกเกณฑ์อย่างที่รัฐกล่าวอ้าง คาดว่า 10% ของผู้ที่ลงชื่อ 300,000 คน หรือประมาณ 30,000 คนน่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปแสดงตัวตน ส่วนที่วิจารณ์ว่าการถวายฎีกาทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทนั้น เราดำเนินการมาตั้ง 30 วันแล้ว ตอนแรกท้าว่าอย่างมากลงชื่อแค่ 3 แสน แต่ปรากฏว่าตอนนี้มีผู้ลงชื่อถึง 6 ล้านคนทั่วประเทศ ถึงตรงนี้แล้วกลับบอกว่าเป็นเรื่องผิด คนที่บอกว่าผิดคงมีเหตุผลอื่นมากกว่า

เหลิมชี้แจงกกต.-กรณีแม้ว

เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง(กกต.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. สัดส่วน ในฐานะประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการสอบสวนกกต.กรณีนาย ศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ร้องขอให้ตรวจสอบการเลือกตั้งส.ส.เขต 3 สกลนคร เนื่องจากร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ในลักษณะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง โดยใช้เวลาชี้แจงกว่า 2 ชั่วโมง

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวภายหลังการชี้แจงว่า กกต. เรียกมาให้ถ้อยคำ เพราะมีผู้ร้องว่าตนปราศรัยหลอกลวง จูงใจ สร้างความเข้าใจผิดกับประชา ชน ซึ่งได้ยืนยันกับอนุกรรมการสอบสวนว่า คำพูดดังกล่าวเป็นการให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมสีสัน เพราะใครก็รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินห้าม พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกอีก 2 ปี และตอนนี้อยู่เมืองนอก ประเด็นดังกล่าวจึงถือเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีอยู่จริง เป็นไปไม่ได้ ก่อนพูดก็พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะข้อเท็จจริงโดยนิตินัย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ในทางพฤตินัยทุกคนรู้ดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยตัวจริงและมีการดำเนินนโยบายที่ประชาชนนิยมเป็นที่ยอมรับ ซึ่งความเชื่อนี้ของประชาชน เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เพราะมันเป็นศรัทธาและจิตวิญญาณที่ประชาชนรู้สึกต่อพ.ต.ท.ทักษิณ

นัด10ส.ค.-แฉรัฐบาล666

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะทำให้ส.ส.เขต 3 สกลนครของพรรคถูกเพิกถอนสิทธิ์หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าตนชี้แจงไปแล้วผลจะออกมาอย่างไร ก็พร้อมยอมรับ ถ้าหากต้องเลือกตั้งใหม่พรรคพร้อมส่งผู้สมัคร เพราะเราเป็นพรรคใหญ่ ใหญ่กว่าพรรคประชาธิปัตย์ หากมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยจะกวาดเก้าอี้ในพื้นที่อีสานเกือบทั้งหมด จะยกเว้นแค่พื้นที่จ.บุรีรัมย์และจ.นครราชสีมาเท่านั้น

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขอให้รอวันที่ 10 ส.ค.นี้ พรรคจะจัดแถลงเรื่องนโยบายรัฐบาล ขอให้รอฟัง ตนจะพูดถึงรัฐบาลตองหก และพร้อมจะตอบคำถามทุกเรื่องทั้งเศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงเรื่องพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. ด้วย

ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวถึงสำนวน 44 ส.ส.ถือครองหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากภาครัฐว่า เรื่องดังกล่าวครบกำหนดการขยายเวลาที่กกต.ให้กับคณะกรรมการไต่สวนในวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่เห็นสำนวนดังกล่าว แต่หากได้รับแล้ว สำนวนมีความเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาต้องไปสอบเพิ่มเติม ตนจะนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 11 ส.ค.นี้เพื่อแจ้งให้กกต.ทุกคนทราบและสำเนาเอกสารให้ไปศึกษากัน 7 วัน พร้อมนัดวันเพื่อลงมติต่อไป

ภูมิธรรมเตือนรัฐบาลหยุดไล่ล่า

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตกรรม การบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงผลงานรัฐในรอบ 6 เดือนว่า น่าเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและความเดือดร้อนของประชาชนเท่าที่ควร แต่ไปให้ความสำคัญกับปัญหาการเมือง เน้นการเอาชนะกัน จึงอยากเตือนว่าให้หยุดไล่ล่าทางการเมืองได้แล้ว ให้หันมาใส่ใจปัญหาบ้านเมืองดีกว่า เพราะผ่านมา 6 เดือน สิ่งที่รัฐบาลนี้เคยวิจารณ์ไว้ก็ไม่ได้แก้ไขอะไร รัฐบาลยังทำงานน้อยไป แต่พยายามใช้โวหารซึ่งมันไม่พอ ประชา ชนอยากเห็นนายกฯลงไปทุ่มเทงานมากกว่าเดินสายปาฐกถา

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนความขัดแย้งที่เกิดขึ้น สังคมไทยต้องช่วยกัน ในอดีตประเทศไทยเคยขัดแย้งจนถึงขั้นต่อสู้กันด้วยอาวุธ แต่ก็จบหลังมีคนกลางหาทางออก นำนโยบาย 66/23 มาแล้วดึงความสามัคคีทั้งหมด สังคมกลับสู่ความปกติสุขได้ หัวใจของ 66/23 ทุกคนพร้อมจะให้อภัยกันแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ช่วยกันพัฒนาประเทศในเงื่อนไขเดียวกัน ส่วนการคลี่คลายปัญหาขณะนี้ ตนหวังว่าทุกฝ่ายจะหันหน้าเข้าหากัน สังคมต้องช่วยกันกลับเข้าสู่เงื่อนไขทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

เมื่อถามถึงการถวายฎีกาของคนเสื้อแดงจะเป็นทางออกของปัญหาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าการถวายฎีกาเป็นสิทธิที่แต่ละคนมีได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกคนต้องมาเริ่มต้นในจุดที่ทำยังไงให้สังคมไทยเกิดความร่วมมือกันและบ้านเมืองเดินต่อไปด้วย เมื่อถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะทำโทรทัศน์ 100 ช่อง นายภูมิธรรมกล่าวว่าต้องดูเวลาว่าเป็นอย่างไร เท่าที่ดูจากวัตถุประสงค์ของการทำทีวี เป็นการให้ความรู้ด้านการศึกษา ก็ดีมีประโยชน์ หากชวนให้ไปทำก็สนใจทำ

เนวินเลิกขนม็อบฟังคดีกล้ายาง

รายงานข่าวจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่าในวันที่ 17 ส.ค. ที่นายเนวิน ชิดชอบ และนายสรอรรถ กลิ่นประทุม แกนนำพรรคภูมิใจไทย จะเดินทางไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตโครงการจัดซื้อกล้ายางพารานั้น นายเนวิน ได้สั่งห้ามส.ส.และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวิน นำประชาชนแห่ไปให้กำลังใจที่ศาลเด็ดขาด เนื่องจากเกรงจะเกิดความวุ่นวาย แออัด ไม่เหมาะสม โดยเดิมที่ทั้งนายเนวินและนายสรอรรถ สั่งห้ามแม้กระทั่งส.ส .และสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวินที่ตั้งใจจะไปให้กำลังใจที่ศาล แต่กลุ่มเพื่อนเนวิน โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงยืนยันจะต้องไปให้กำลังใจทั้ง 2 คน ที่ไปฟังคำตัดสินของศาลครั้งสำคัญ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า การไปให้กำลังใจนายเนวิน และนายสรอรรถ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 17 ส.ค. จะมีเพียงกลุ่มเพื่อนเนวิน บ้านเลขที่ 111 ประมาณ 20 คนไปให้กำลังใจที่ศาลเท่านั้น ไม่มีการจัดม็อบเสื้อน้ำเงินแห่ไปร่วมแต่อย่างใด นายเนวินกำชับให้รอฟังผลอยู่ที่บ้านก็พอ รวมทั้งแกนนำพรรคอย่างนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค หรือรัฐมนตรีของพรรคก็ไม่ได้ไป เพราะเป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ใช่เรื่องของพรรคภูมิใจไทย อีกเหตุผลคือ ห่วงว่าหากเสื้อน้ำเงินไปจะเข้าทางเสื้อแดง ประชาชนจะไปปะทะกันหรือมีมือที่สามเข้ามาสร้างความรุนแรงวุ่นวายได้

บุรีรัมย์ลงชื่อ 5 แสนคน-ต้านฎีกา

เมื่อเวลา 15.30 น. นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม นายมงคล สุระสัจจะ ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ พร้อมข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลูกเสือชาวบ้าน สมาชิกอาสาสมัครป้อง กันภัยฝ่ายพลเรือน กลุ่มพัฒนาสตรี ตำรวจหมู่บ้าน องค์กรภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนทั้งจังหวัด กว่า 20,000 คน ร่วมชุมนุมเพื่อคัดค้านการล่ารายชื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท. ทักษิณ โดยชาวบุรีรัมย์ร่วมกันลงชื่อคัดค้านในทุกอำเภอ รวมจำนวน 509,852 คน

ภายหลัง นายโสภณ กล่าวคำปฏิญาณตนประกาศเจตนารมณ์ปกป้องสถาบัน ตัวแทนอำเภอทั้ง 23 อำเภอ ได้มอบบัญชีรายชื่อผู้คัดค้านการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาให้นายโสภณ ซึ่งมารับแทนรมว.มหาดไทย

ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านจากตำบลละเวียะ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ประมาณ 10 คน เดินทางมาถอนรายชื่อยื่นถวายฎีกา พร้อมอ้างว่ามีชายเข้าไปล่ารายชื่อจากชาวบ้าน โดยบอกจะให้คนละ 500 บาท จึงพากันร่วมลงชื่อ จนถึงวันนี้เงินก็ไม่ได้สักบาท เมื่อผู้ใหญ่บ้านทราบเรื่องจึงบอกให้มาถอนรายชื่อ

แฉมท.ทำยอดอำเภอละ2พัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย ได้รวบรวมรายชื่อผู้ที่มาลงชื่อต่อต้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และลงชื่อถอนถวายฎีกา เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการตั้งโต๊ะรับลงชื่อ ตามศาลาว่าการจังหวัดทั่วประเทศ มีผู้มาร่วมลงชื่อ 1.4 ล้านคน รวมแล้วมีผู้ร่วมลงชื่อประมาณ 3.4 ล้านคน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวที่เพิ่มมากขึ้นนั้น เนื่องจากมีรายงานว่าเดิมกำชับให้แต่ละอำเภอทำยอดอำเภอละ 1,000 คน แต่ล่าสุดมีการกำชับให้ทุกอำเภอต่อทำยอดผู้มาลงชื่ออำเภอละ 2,000 คน ตัวเลขจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพื่อให้รวบรวมตัวเลขในวันที่ 10 ส.ค. ให้ได้มากกว่า 5 ล้านรายชื่อ

มาร์คเดินสายปาฐกถาอีก

เมื่อเวลา 16.45 น. ที่สำนักงานก.พ. นนทบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดเวทีสัมมนาประเทศไทยไต่ระดับ ในโครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง : ผู้บริหารส่วนราชการ (นบส.2 ) และเป็นวิทยากรพิเศษ เปิดมุมมองการบริหารราชการ ตอนหนึ่งว่า ปัจจัยทางการเมือง ถือเป็นจุดสำคัญที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถานภาพของประเทศ วันนี้เราจำเป็นต้องคิดเรื่องของการไต่ระดับ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียวไม่พอ รัฐบาลจึงอยากให้ทุกฝ่ายตื่นตัวมากเป็นพิเศษ แต่ต้องยอมรับว่ายังมีปัญหาการบริหารจัดการ ซึ่งต้องปรับปรุงอย่างรวดเร็ว

นายกฯ กล่าวว่า คนที่จะเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องหาความพอดีเพื่อเดินไปถึงจุดหมาย แต่ต้องสามารถโน้มน้าวให้คนและองค์กรเดินไปถึงจุดหมายเดียวกัน ถ้าจะไต่ระดับจะต้องมีทั้งความกล้าหาญ ต้องรู้ว่าถึงความรับผิดชอบ ต้องมีทักษะการสื่อสาร และจะต้องเดินให้เร็ว แต่ถ้าระมัดระวังมากไป สุดท้ายจะเดินไปไม่ถึง

แขวะใช้เสียงข้างมากลากไป

ในช่วงท้าย ผู้เข้าร่วมสัมมนาตั้งคำถามว่าคิดว่าสถานการณ์การเมืองมีผลกระทบต่อการไต่ระดับรุนแรงแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีผลกระทบรุนแรงพอสมควรกับอนาคตของประเทศ และที่เลวร้ายที่สุดคือการใช้ความรุนแรง ถ้าปล่อยให้ใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนกับประชาชน ประชาชนกับรัฐ และรัฐกับประชาชนไปมากกว่านี้ เราถดถอยอย่างมากกับการพัฒนาประชาธิปไตย

ระบบประชาธิปไตยที่พูดถึงเสียงข้างมากมักเกิดความสับสน ซึ่งไม่มีประเทศประชา ธิปไตยที่ไหนจะรอเสียงข้างมากมาชี้ถูกชี้ผิดทางกฎหมาย มาทำให้คนที่มีเสียงข้างมากอยู่เหนือกฎหมาย ทำผิดก็ได้ ล้างความผิดให้ตัวเองก็ได้ ไม่มีประชาธิปไตยเป็นแบบนี้ ตรงนี้เป็นจุดที่ท้าทายและทำให้การดำเนินการหลายเรื่องต้องทำอย่างตรงไปตรงมาให้เห็นชัดเจน นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีระบบใดที่ทำให้คนดีมีโอกาสเข้ามาปกครองประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ เรามีองค์กรรับรองคนดีในช่วงแรกไม่เป็นไร แต่ไม่ช้าองค์กรเหล่านั้นนั่นแหละน่ากลัวที่สุด เพราะคนที่ไม่ดีรู้ว่าจะต้องเข้าไปยึดองค์กรนั้นให้ได้เพื่อฟอกคนไม่ดีเป็นคนดีได้ จะเห็นว่าองค์กรอิสระชุดแรกทำงานค่อนข้างได้ผล ไม่ว่าจะเป็นกกต. ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ แต่เห็นได้ชัดว่าการใช้อำนาจตรงนั้นส่งผลรุนแรง ไม่นานก็กลายพันธุ์ ชุดที่สองส่วนใหญ่โดนเกือบหมดในเรื่องการขึ้นเงินเดือนตัวเอง ซึ่งถือเป็นการทุจริต ถ้าเพิ่มอำนาจให้ไม่ช้าจะมีความไม่ดีเกิดขึ้น ถือเป็นสัจธรรม ต้องยอมรับว่าระบบที ่ทำได้ต้องมีการคานอำนาจที่เหมาะสม

ยิ่งลักษณ์เยี่ยมวิทยุแดงอุดร

เวลา 16.00 น. ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร คลื่น 97.5 บ้านหนองเหล็ก ซ.9 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมสถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร โดยมีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และสมาชิกชมรมคนเสื้อแดงกว่า 200 คน มาต้อนรับ ระหว่างเยี่ยมชม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ปลื้มใจที่เห็นรูปพี่ชายอยู่เต็มไปหมด และยืนยันจะเป็นกำลังใจให้คนเสื้อแดงต่อสู้ต่อไปจนถึงที่สุด หลังจากเยี่ยมชมนาน 20 นาที น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงได้เดินทางไปจ.ขอนแก่น

นายขวัญชัย เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับปากกับพี่ชายว่าหากมีโอกาสมาอุดรฯ จะแวะเยี่ยมเยียนชมรมคนรักอุดรทันที ซึ่งพวกเราหายเหนื่อยที่คนตระกูลชินวัตร เห็นความสำคัญในการต่อสู้เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ มายาวนาน และวันที่ 9 ส.ค.ที่สนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี จะมีการรวมพลคนเสื้อแดงครั้งใหญ่อีกครั้ง เพื่อสนับ สนุนการลงชื่อถวายฎีกา โดยจะมีนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และแกนนำเสื้อแดงมาร่วมงานครั้งนี้ คาดว่าจะมีคนเสื้อแดงมาชุมนุมหลายหมื่นคน

#### ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook