อภิสิทธิ์กับต้นทุน
คาดเชือก คาถาพัน
การเป็นนักการเมืองต้นทุนสูงก็ทำให้ยุ่งได้เหมือนกันคำพูดคำจามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พูดอะไรออกไป ผู้คนพร้อมจะเชื่อ
ที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลายเป็นดาวเด่นของวงการปาฐกถาและการบรรยาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ก็อย่างที่อดีตนายกฯ ชาติชาย ชุณหะวัณ พูดไว้ว่า ก่อนพูดเราเป็น นาย ของคำพูด แต่เมื่อพูดไปแล้ว คำพูดเป็นนาย เรา
เพราะคนพูดจะต้องปฏิบัติ ต้องทำตามคำพูดที่ได้พูดออกไป
ดังนั้น เมื่อนายกฯอภิสิทธิ์ออกมาพูดว่า ผบ.ตร.ตกลงจะร่วมมือแก้ปัญหาคดียิงสนธิ ด้วยการไปราชการที่ประเทศจีนแล้วลาพักยาว
เรื่องจึงยุ่งทันที เพราะผบ.ตร.ยืนยันกับนักข่าวว่าไม่ได้ตกลงกับนายกฯ อย่างนั้น ผบ.ตร.จะไปราชการที่จีน 2-3 วัน แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อ
เท่ากับมีคนโมเมพูดเองเออเอง หรือพูดไม่จริงอยู่ 1 คน
แต่ก็นั่นแหละ คนระดับนายกฯ จะยอมตกเป็นฝ่ายพูดไม่จริงได้ยังไง ก็เลยเป็นหน้าที่ของ ผู้เกี่ยวข้อง จะต้องดลบันดาลให้ผบ.ตร.ไปอยู่นอกประเทศตามคำพูดของนายกฯ ให้ได้ เพื่อรักษาต้นทุนของนายกฯ เอาไว้
หลังจากนี้ ภารกิจในการรักษาต้นทุนของนายกฯ จะยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้านายกฯ เตะฟุตบอลแล้ววิ่งเลยแนวเช็กออฟไซด์ รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ อาจไม่ลำบากใจที่จะไปขอร้องผู้ตัดสินหรือไลน์แมนว่า ให้หยวนๆ ไปเถอะพี่น้องเอ๊ย
แต่การบริหารประเทศ การโยกย้ายข้าราชการไม่ใช่เรื่องเล่นสนุกๆ สบายๆ แบบฟุตบอลกระชับมิตร
เมื่อนายกฯ และคนของนายกฯ ถลำลึกเข้าไปในเรื่องที่ไม่ควรเกี่ยวข้องเพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ อย่างการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ
ก็ต้องควักกระเป๋าจ่าย ด้วยชื่อเสียงเกียรติภูมิที่สั่งสมไว้
จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มขึ้น หรืออาจจะถึงขั้นต้องเข้าสู่กระบวนการถอดถอน
คุ้มหรือไม่ ต้องถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
คนที่อยากจะช่วยจ่ายเต็มทีนั่นแหละ