ประดิษฐ์แจงกกต.ปมเงินบริจาคปชป.258ล.

ประดิษฐ์แจงกกต.ปมเงินบริจาคปชป.258ล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการไต่สวน กรณีเงินบริจาคและเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้เวลาชี้แจงกว่า 2 ชั่วโมง โดยภายหลังการชี้แจงนายประดิษฐ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ได้เคยอภิปรายไปในสภาแล้ว รวมทั้งได้ชี้แจงกับคณะกรรมการไต่สวนฯแล้วเช่นกัน ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนกรณีดังกล่าวจะเป็นสาเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรคหรือไม่ ตนก็ไม่อาจทราบเช่นกัน ด้านนายอิศระ หลิมศิริวงษ์ ประธานคณะกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าว เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ โดยในวันที่ 11 ส.ค.นี้ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ ในฐานะเหรัญญิกพรรคในขณะนั้น และผู้ดำเนินการอนุิโครงการดังกล่าว จะเดินทางเข้ามาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการไต่สวน แต่ในส่วนของนายธงชัย คลศรีชัย ที่มีการระบุว่า เป็นญาติกับนายประดิษฐ์นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้เข้ามาให้ถ้อยคำ แต่เบื้องต้นนายประดิษฐ์รับปากว่า จะพานายธงชัยเข้ามาให้ถ้อยคำในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามตนคิดว่าการดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ไม่น่าจะต้องขอขยายเวลาสอบสวนออกไปอีก หากทั้ง 3 คนเข้ามาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการไต่สวน นายอิศระ กล่าวต่อว่า หลังจากสอบสวนเสร็จสิ้น คณะกรรมการจะสรุปและส่งสำนวนให้กับกกต. ซึ่งไม่น่าจะเกินวันที่ 19 ส.ค.นี้ โดยทางคณะกรรมการฯจะเสนอในส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งก็ต้องขึ้นกับกกต.ว่า จะมีมติหรือดุลยพินิจเป็นอย่างไร แต่หากกกต.เห็นว่า ต้องมีการสอบสวนในประเด็นอื่นเพิ่มเติม เราก็พร้อมที่จะดำเนินการตามที่กกต.ต้องการ ซึ่งคณะกรรมการต้องดำเนินการให้เรื่องนี้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุด เมื่อถามว่า หลังจากได้สอบสวนนายประจวบ และนายประดิษฐ์แล้ว คิดว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางหรือไม่ นายอิศระ กล่าวว่า ในส่วนนเรายังสรุปไม่ได้ ซึ่งหลังจากที่บุคคลต่างๆมาให้ถ้อยคำหมดแล้ว เราต้องกลับไปดูเรื่องดังกล่าวตั้งแต่เริ่มสอบมา รวมถึงสำนวนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งต้องดูว่า เรื่องทั้งหมดเป็นไปตามประเด็นคำร้องหรือไม่ อีกทั้งเราต้องดูข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ก่อนแล้วจึงไปดูในส่วนของข้อกฎหมาย ว่ามีการดำเนินการผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ข้อเท็จจริงยังไม่ได้ข้อยุติ ในส่วนของนายบัญญัติต้องเข้ามาให้ถ้อยคำในเรื่องของเงินบริจาค ที่ได้รับมาขณะนั้น รวมถึงการใช้จ่ายเงิน การอนุมัติโครงการในส่วนของการโฆษณา ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นคณะกรรมการเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเชิญมาให้ถ้อยคำ เนื่องจากในขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวในด้านธุรกรรมเท่านั้น นายอิศระกล่าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook