ปชป.ปูดบ.ค้าปุ๋ยหากินโครงการชุมชนพอเพียง สัมพันธ์คนสนิทแม้ว รอเส้นทางเงินก่อนส่งป.ป.ช.ลุย

ปชป.ปูดบ.ค้าปุ๋ยหากินโครงการชุมชนพอเพียง สัมพันธ์คนสนิทแม้ว รอเส้นทางเงินก่อนส่งป.ป.ช.ลุย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ปชป.ปูดบริษัทค้าปุ๋ย หากินโครงการชุมชนพอเพียงตจว. มีสัมพันธ์ใกล้ชิดคนสนิททักษิณ รอข้อมูลเส้นทางเงินก่อนยื่น ป.ป.ช.เล่นงาน กอร์ปศักดิ์วอนชุมชนช่วยแจ้งหากมีใครไปชี้นำให้ซื้อสินค้า ลั่นจะจัดการทันที เพื่อไทยอายเอาปี๊บคลุมหัว บอกอายแทนรบ. โอฬารแนะทำเมนู 10 อย่างให้ท้องถิ่นเลือก แต่อย่ายัดเยียดให้

กรณีการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการชุมชนพอเพียง พบคนกลุ่มหนึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) นักการเมือง และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เข้าไปชี้นำให้ชุมชนต่างๆ สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทเอกชนกลุ่มหนึ่งแล้วในราคาที่แพงกว่าปกติ ทั้งชุมชนใน กทม. และชุมชนต่างๆ ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ว่า ขณะนี้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโครงการชุมชนพอเพียง ตามที่มีการร้องเรียนมาพบความไม่โปร่งใส ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะตรวจสอบให้โครงการต่างๆ อยู่บนเจตนารมณ์อย่างแท้จริง มีความโปร่งใส

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหากลุ่มคนที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากชาวบ้านเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแล เพราะชุมชนกว่า 8 หมื่นแห่ง การจะตรวจสอบทุกโครงการจึงเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้จากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ พ่อค้านักธุรกิจย่อมแข่งขันกันสูง จึงขาดจริยธรรมมากกว่าปกติ ดังนั้น หากชุมชนไหนพบความผิดปกติ กลุ่มบุคคลไหนเข้าไปชี้นำชุมชน หรือหลอกลวงว่าต้องซื้อสินค้าประเภทนี้ถึงจะได้รับอนุมัติเงิน ขอให้แจ้งข้อมูลมา รัฐบาลจะเข้าไปจัดการทันที

นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ยินดีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เข้ามาตรวจสอบโครงการนี้หรือจะช่วยแนะนำว่าโครงการนี้ มีปัญหาและอุปสรรคอยู่ที่ไหน เรื่องอะไรบ้างที่จะต้องแก้ไข ตนพร้อมที่จะรับฟังอยู่แล้ว เพราะไม่ได้มองเรื่องนี้ เป็นเรื่องการเมือง และชื่อโครงการนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีความสำคัญขนาดไหน ตนไม่มีทางยอมให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่

นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ส่วนปัญหาเรื่องความไม่ชอบมาพากลทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบแล้ว คงต้องให้เวลาสักระยะ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้าหากพรรคเพื่อไทย มีข้อมูลหลักฐานชัดเจน ก็ขอให้ส่งเข้ามาได้ทันที หากพบว่ามีความผิดจริง จะจัดการกับคนที่เกี่ยวข้องทันที แต่ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ก็พูดมานานแล้ว แต่ไม่เห็นส่งหลักฐานมาให้สักที

นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชุมชนพอเพียง (สพช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ มติชน ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พบว่ามีการโอนเงินให้ชุมชนก่อนที่จะได้รับอนุมัติโครงการ ว่า หลังจากที่ชุมชนต่างๆ เสนอโครงการเข้ามาที่สำนักงาน จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ หากโครงการไหน ผ่านความเห็นชอบ ทานักงานก็จะโอนเงินให้กับชุมชนผ่านทางธนาคาร เพื่อให้ดำเนินการเปิดบัญชี จากนั้น จะส่งหนังสือแจ้งไปยังชุมชนให้รับทราบผลการพิจารณาอีกครั้งในภายหลัง ดังนั้น การปรากฏข้อมูลว่า ชุมชนได้รับการโอนเงินไปก่อน ที่จะมีหนังสือแจ้งให้รับทราบว่าได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ที่หนังสือแจ้งให้ทราบจะส่งถึงช้ากว่ากระบวนการอนุมัติเงิน

หากคนที่ไม่รู้ว่าการทำงานของเราเป็นอย่างไร ก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ได้มีการจัดวางทุกอย่างไว้แล้ว แต่ถ้าเข้าใจว่าหลักการทำงานของเรา ก็จะเข้าใจดีว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นนายสุมิทกล่าว

ส่วนที่มีการระบุข้อมูลว่า พล.อ.ชัชวาล ทัตตานนท์ รองผู้อำนวยการ สพช. ไปปรากฏตัวร่วมกับนายพงษ์ศักดิ์ วุฒิชัย ส.ข.เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ในการประชุมร่วมกับประธานชุมชนเขตบางกะปิ พร้อมโชว์คลิปวิดีโอ ที่นายพงษ์ศักดิ์ พยายามชักชวนให้ชุมชนทำโครงการฯนั้น นายสุมิทกล่าวว่า เท่าที่ทราบสาเหตุที่ พล.อ.ชัชวาล ไปร่วมประชุมครั้งนั้น เป็นการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำโครงการ เนื่องจาก พล.อ.ชัชวาล ได้รับการแต่งตั้งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนนายพงษ์ศักดิ์ จะพูดอะไร เป็นเรื่องที่นายพงษ์ศักดิ์ ต้องรับผิดชอบเอง ไม่เกี่ยวข้องกับทางสำนักงานฯแต่อย่างใด

นายสุมิทกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยนำมาเปิดเผยนั้น สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ส่วนที่นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ระบุว่า วันที่ 5 สิงหาคม จะเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลทั้งหมดนั้น ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะมั่นใจในการทำงานที่ผ่านมา และเป็นเรื่องที่ดี ที่ฝ่ายค้านจะเข้ามาช่วยตรวจสอบ

นายสุมิทกล่าวว่า ในวันที่ 3 สิงหาคม คณะอนุกรรมการฝ่ายวิชาการ จะประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดการดำเนินงานโครงการชุมชนพอเพียง ในเขต กทม. ว่ามีปัญหาและอุปสรรคอย่างไร เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ส่วนปัญหาเรื่องการทุจริตส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากมีหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทันที ส่วนชุมชนอื่นที่เสนอโครงการเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ และพบว่าโครงการของชุมชนถูกหลอกลวง ถูกคนบางกลุ่มเข้าไปหาผลประโยชน์ สามารถแจ้งความประสงค์ขอถอนเรื่องกลับไปทำโครงการใหม่ได้ทันที

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงว่า ที่พบว่าชุมชนต่างๆ ใน 11 จังหวัดจัดทำโครงการซื้อปุ๋ยอินทรีย์ที่มีรูปแบบข้อความการเสนอเหมือนกัน โดยมีบริษัทขายปุ๋ยเชื่อมโยงกับคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น ที่ สพช.ไม่อนุมัติให้ซื้อปุ๋ยนั้น เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ และต้องการเน้นให้ผสมปุ๋ยเองในชุมชน แต่ก็พบว่า มีการนำปุ๋ยของบริษัทนี้ให้คนในชุมชนเอาไปใช้ก่อนที่ สพช.อนุมัติงบฯ ซึ่งพบว่าก็เป็นบริษัทเดียวกับที่ได้โครงการนี้ในสมัยฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำโครงการเอสเอ็มแอล ทั้งนี้เตรียมจะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนนี้กำลังรอหลักฐานชิ้นสุดท้ายคือ เส้นทางเงินของบริษัทนี้

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลที่นายกฯ เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาโครงการนี้ ให้ชะลออนุมัติงบฯโครงการชุมชนพอเพียง อย่าให้มีนายหน้า ต้องทำให้โปร่งใส รัฐบาลก๊อบปี้นโยบายพรรคไทยรักไทยในอดีตต้องทำให้เป็น ต้องก๊อบปี้สิ่งดีมาด้วย วันนี้มีคนเข้าไปคอร์รัปชั่น กินเปอร์เซ็นต์ในโครงการนี้ หากรัฐบาลมีความจริงใจตรวจสอบก็ทำได้ไม่ยาก แต่ความจัญไรจะกินหัว เพราะเอาชื่อที่เป็นมงคลคำว่าพอเพียงมาทำอัปมงคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะแถลงข่าวนายพร้อมพงศ์ได้เอาปี๊บที่เขียนเย้ยผลงานของรัฐบาลมาคลุมหัว โดยมีนายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ใช้ค้อนโฟมสีแดงตีไปที่ปี๊บที่คลุมหัว โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ผมอายแทนรัฐบาล เลยต้องเอาปี๊บมาคลุมหัวตัวเองจากนั้น นายพร้อมพงศ์ได้หยิบค้อนดังกล่าวมาทุบปี๊บเสียงดังลั่น

นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการชุมชนพอเพียง ว่า ขณะที่ตนเป็นรองนายกฯ กำกับดูแลเรื่องกองทุนเอสเอ็มแอล ได้กำชับข้าราชการเลยว่า ต้องลงทุกตำบลทั่วประเทศ ไม่ใช้วิธีให้ส่วนกลางไปซื้อของบิ๊กล็อตแล้วเอาไปให้ชุมชน เพราะห่วงเรื่องที่มีการเปรียบเปรยว่า เหมือนเลียไอติมกันระหว่างทาง พอไปถึงท้องถิ่นไอติมเกือบหมดแท่งแล้ว ทางป้องกัน ต้องทำเมนู รวมกับเมนูที่ท้องถิ่นต้องการมารวมกัน อาจทำเมนูไว้ให้เลือก 10 อย่าง เชื่อว่าใน 10 อย่างมันต้องมี 2-3 อย่าง ที่ชุมชนต้องการ เช่น ถนนไร้ฝุ่น ทำฝาย ปรับปรุงโรงเรียน ห้องสมุด หรืออยากทำเมรุเผาศพเพิ่มก็ได้ ถ้าเห็นว่าจำเป็น

ถ้าทำได้จริง จะเกิดการซื้อของ การจ้างงานในท้องถิ่น เพราะโครงการเล็กๆ เช่นนี้ต้องซื้อของในท้องถิ่น จะช่วยหมุนเศรษฐกิจในรอบต่อไป ถ้าให้ชุมชนเลือกเอง จะไม่มีทางเหมือนกันแน่นอน คนที่จะไปเสนอสินค้า ต้องทำงานและแข่งกับคนอื่นด้วย ถ้าของดีและถูกจริง ก็ขายได้ จะเป็นการใช้เงินที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจอย่างตรงจุด แต่ถ้าส่วนกลางเข้าไปยัดเยียดหมด การซื้อวัสดุ การจ้างงานในพื้นที่ก็ไม่เกิดนายโอฬารกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook