บอร์ดธอส.ชี้โกง499ล้านทำคนเดียว ตั้ง ชัยเกษมสอบเอาผิดจนท.ละเลย ผู้บริหาร-พนง.อยู่ในข่าย10คน ทั้งนี้

บอร์ดธอส.ชี้โกง499ล้านทำคนเดียว ตั้ง ชัยเกษมสอบเอาผิดจนท.ละเลย ผู้บริหาร-พนง.อยู่ในข่าย10คน ทั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บอร์ดธอส.ถกเครียดเกือบ 7ชั่วโมง พิจารณาสอบ กรณีสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดชพนักงานธนาคาร ยักยอกทรัพย์มูลค่า 499 ล้านบาท ลงมติทำผิดคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมกระทำ พร้อมตั้ง ชัยเกษม นิติสิริสอบผู้บริหารระดับสูงให้เวลา 30 วัน ผู้บริหาร-พนง.อยู่ในข่าย 10 คน ละเลยไม่ได้ปฏิบัติจนเกิดความเสียหาย นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการ ธนาคาร อาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)ว่า บอร์ดได้ใช้เวลาประชุมเกือบ 7 ชั่วโมง ในการพิจารณาผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ยักยอกทรัพย์มูลค่า 499 ล้านบาท เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยบอร์ดมีมติคือ การกระทำความผิดของนายสมเกียรติ ไม่มีผู้ร่วมกระทำ ซึ่งธนาคารได้ดำเนินการร้องทุกข์แจ้งความและส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุตจริตแห่งชาติ (ปปช.) เรียบร้อยแล้ว

การทำทุจริตดังกล่าวแบ่งเป็น 2 วิธี คือ

1) การปลอมสลิปเพื่อถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า จำนวน 36.5 ล้านบาท

2) การสร้างรายการจากดอกเบี้ยจ่ายของธนาคาร จำนวน 499.27 ล้านบาท

แยกเป็น ดอกเบี้ยจ่าย สำนักพระราม 9 จำนวน 454.03 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 จำนวน 45.24 ล้านบาท

สาเหตุที่นายสมเกียรติ ทำทุจริตได้สำเร็จ มีมูลค่าสูง และต่อเนื่องเวลานาน มาจากสาเหตุ 3 ประการ คือ

1. การผ่อนปรนเงื่อนไขของขั้นตอนการทำงานในระบบ CBS ใหม่

2. การละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมกำกับดูแลงานปกติของธนาคาร (Normal operation) ของผู้ที่รับผิดชอบ และ

3. ความไม่พร้อมของพนกงานและระบบต่างๆที่ใช้ในการตรวจสอบ เมื่อเริ่มใช้ระบบ CBS ใหม่

นายนริศกล่าวต่อว่า กลุ่มที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ จนเป็นสาเหตุให้เกิดการทุจริต ประกอบด้วย ผู้บริหาร พนักงานที่มีหน้ารับผิดชอบและมีระเบียบปฏิบัติกำหนดไว้ แต่ละเลยไม่ได้ปฏิบัติ รวมถึงกลุ่มพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปรับเปลี่ยนระบบคอร์ แบงกิ้ง ซึ่งก่อให้เกิดสาเหตุข้างต้นซึ่ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อการบริหาร จึงกำหนดผู้รับผิดชอบตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ มีผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารและพนักงานอยู่ในข่าย 10 คน โดยคณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะรับไปดำเนินการทางวินัยต่อไป คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน

สำหรับผู้บริหารระดับสูงที่อาจเกี่ยวข้อง คณะกรรมการมีมติมอบหมายให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบประสิทธิภาพ โดยมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นประธานคณะทำงาน และให้คัดเลือกบุคคลเข้ามาร่วมเป็นกรรมการภายในสัปดาห์หน้า เพื่อรายงานผลการสอบสวนให้กรรมการทราบเป็นระยะๆ โดยจะตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไรขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการ แต่ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดทางอาญาได้ เพราะเป็นสัญญาว่าจ้าง โทษสูงสุดจึงเป็นเพียงการเลิกจ้างเท่านั้น

"ทางคณะกรรมการจะเสนอรายงานสรุปข้อเท็จจริงให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลังทราบต่อไป ส่วนการติดตามทรัพย์สินได้รับรายงานว่า เจาหน้าที่ตำรวจได้ติดตามทรัพย์สินดังกล่าวคืนได้แล้ว 253.9 ล้านบาท ยังเหลือส่วนที่ธนาคารได้รับความเสียหายอีก 250 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า การทุจริตดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับลูกค้าของธนาคารแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการลักทรัพย์ธนาคารโดยตรง และยืนยันว่า ขณะนี้ ฐานะการเงินของธนาคารมีความมั่นคง มีทุนเพียงพอที่จะดำเนินงานต่อไปในอนาคตนายนริศกล่าวและว่า ธนาคารได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานในขั้นตอนปฏิบัติให้มีความรัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต

ทั้งนี้ ยอดเงินกระทำทุจริต 499 ล้านบาท ทางธนาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเงินสด และสินทรัพย์ต่างๆ ที่นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ถือครอบครอง

เงินการกระทำทุจริต จำนวน 253.9 ล้านบาท แบ่งเป็น

เงินสด 201 ล้านบาท

บ้านพร้อมที่ดิน 28.9 ล้านบาท

ห้องชุด 2.2 ล้านบาท

รถยนต์ 4 คัน 11.8 ล้านบาทและ

ทรัพย์สินอื่นๆ 10 ล้านบาท

ซึ่งรวมสุทธิแล้ว ขณะนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับความเสียหายประมาณ 250 ล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook