ไวรัสโคโรนา: "นิวยอร์ก" ขึ้นแท่นศูนย์กลางโควิด-19 ระบาด หลังยอดผู้ป่วยทะลุหมื่น

นิวยอร์ก, 21 มี.ค. (ซินหัว) — แอนดรูว์ คัวโม (Andrew Cuomo) ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันเสาร์ (21 มี.ค.) ว่านิวยอร์กพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รวม 10,356 ราย เพิ่มขึ้น 3,254 ราย เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า

ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่านิวยอร์กกลายเป็นรัฐแรกในประเทศที่มีพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากกว่า 10,000 ราย

คัวโมเผยว่าจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผลแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะการทดสอบหาเชื้อไวรัสของรัฐ

“เราทำการทดสอบหาเชื้อไวรัสในนิวยอร์กมากกว่าสถานที่อื่นๆ” คัวโมกล่าว “ยิ่งทดสอบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบผู้ป่วยที่มีผลบวกมากขึ้นเท่านั้น”

รายงานระบุว่าจนถึงช่วงเช้าวันเสาร์ (21 มี.ค.) นิวยอร์กทำการทดสอบหาเชื้อไวรัสรวมแล้ว 45,437 ครั้ง ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียทำการทดสอบแล้ว 23,200 ครั้ง และรัฐวอชิงตัน 23,343 ครั้ง

คัวโม กล่าวว่า มหานครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศ กลายเป็นจุดแพร่เชื้อของโรคโควิด-19 หลังพบผู้ป่วยแล้วมากกว่า 6,200 ราย เพิ่มขึ้น 1,803 รายในชั่วข้ามคืน

คัวโมเสริมว่าร้อยละ 55 ของผู้ที่มีผลทดสอบเป็นบวกในรัฐนิวยอร์กนั้นมีอายุระหว่าง 18-49 ปี “วัยรุ่นหนุ่มสาวอย่าชะล่าใจ คุณอาจติดเชื้อไวรัส และแพร่เชื้อให้แก่ผู้สูงอายุที่คุณรักก็เป็นได้”

ทั้งนี้ คัวโมประกาศเมื่อวันศุกร์ (20 มี.ค.) ว่าข้อบังคับ ซึ่งกำหนดให้ผู้ที่ทำงานในธุรกิจที่ไม่จำเป็นอยู่บ้านนั้น จะมีผลบังคับใช้ในคืนวันอาทิตย์ (22 มี.ค.) เป็นต้นไป พร้อมเรียกร้องให้ประชาชน “อยู่ในบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เพื่อปกป้องสุขภาพของตน รวมทั้งยกเลิกการชุมนุมทุกรูปแบบที่ไม่จำเป็นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม และจำกัดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

เขาเผยว่าหากธุรกิจใดก็ตามที่ฝ่าฝืนข้อบังคับจะถูกปรับและถูกสั่งให้ปิด ขณะเดียวกันรัฐยังไม่มีแผนการปรับโทษบุคคลผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบข้างต้น

ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเมื่อคืนวันศุกร์ (20 มี.ค.) ให้รัฐนิวยอร์กเป็น “พื้นที่ภัยพิบัติ” เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้นำงบประมาณจากรัฐบาลกลางส่งไปยังรัฐนิวยอร์กเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด รวมถึงการให้คำปรึกษาในภาวะวิกฤตสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางโดยตรง และมาตรการป้องกันฉุกเฉินอื่นๆ