ไวรัสโคโรนา: เทศบาลกรุงโซล จี้สอบสวนผู้นำโบสถ์แพร่เชื้อ ฐานฆาตกรรม-ละเมิดกฎคุมโรค

ไวรัสโคโรนา: เทศบาลกรุงโซล จี้สอบสวนผู้นำโบสถ์แพร่เชื้อ ฐานฆาตกรรม-ละเมิดกฎคุมโรค

ไวรัสโคโรนา: เทศบาลกรุงโซล จี้สอบสวนผู้นำโบสถ์แพร่เชื้อ ฐานฆาตกรรม-ละเมิดกฎคุมโรค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เทศบาลกรุงโซล ยื่นคำร้องให้อัยการกลางกรุงโซล สอบสวนนายอี มัน-ฮี ผู้นำและผู้ก่อตั้งคริสตจักรพระเยซูชินชอนจี และผู้นำสาขาอีก 12 แห่ง ในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฆาตกรรมและการละเมิดกฎหมายป้องกันโรคระบาด หลังจากมีสมาชิกโบสถ์ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

นอกจากนี้ เทศบาลกรุงโซลระบุอีกว่า ผู้นำโบสถ์เหล่านี้ไม่ยอมไปตรวจโรค และทำให้เป็นสาเหตุให้โรคไวรัสโคโรนา หรือ โรคโควิด-19 (Covid-19) แพร่ระบาดไปในวงกว้าง

"คนกลุ่มนี้ปฏิเสธการตรวจร่างกายเพื่อหาไวรัส และคนกลุ่มนี้ยังไม่นำมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อให้ประชาชนที่ศรัทธาให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19"

เทศบาลกรุงโซล ระบุต่อไปว่า กลุ่มผู้นำโบสถ์เหล่านี้ยังขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ด้วยการให้รายชื่อสมาชิกของโบสถ์ที่ไม่ถูกต้องอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอี มัน-ฮี ไปตรวจร่างกายแล้ว และกำลังรอผลตรวจ

ด้านคริสต์จักรพระเยซูชินชอนจี ระบุว่า ขณะนี้นายอีกำลังกักตัวเองอยู่ในบ้านพักใน จ.คยองกี ใกล้กรุงโซล

ทั้งนี้จำนวนผู้ป่วยในเกาหลีใต้เคยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ แต่หลังจากผู้หญิงสูงวัย ชาวเมืองแดกู ตอนกลางของประเทศ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ติดเชื้อโรคนี้รายที่ 31 ของประเทศ เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่เคยไปในพื้นที่เสี่ยง จากนั้นก็พบผู้ติดเชื้อในโบสถ์เดียวกับที่เธอไปมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เชื่อว่าเธอน่าจะติดมาจากสมาชิกโบสถ์คนอื่นๆ ที่เคยเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงติดโรคมาก่อน อีกทอดหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของเกาหลีใต้ เชื่อว่า 60% ของผู้ป่วยในเกาหลีใต้ติดโรคมาจากโบสถ์ดังกล่าว และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (29 ก.พ) มีการนำสมาชิกโบสถ์เหล่านี้ราว 239,000 มาตรวจไปแล้วถึง 95% และพบว่าสมาชิกโบสถ์ 8,563 คนและสมาชิกฝึกหัด 393 คนมีอาการคล้ายกับอาการของโรคไวรัสโคโรนา

ถึงอย่างนั้น ก็มีสมาชิกโบสถ์อีกราว 4,000 คนทั่วเกาหลีใต้ที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับการตรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่จังหวัดกำลังประสานงานกับตำรวจเพื่อติดตามคนเหล่านี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook