ส.จ.โต้ทำดี๋เครียดจนสิ้นใจ
นายนิพัทธ์ กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้วได้ทำธุรกิจร่วมกับดี๋ เปิดสถานบันเทิงชื่อพิราบขาวคาเฟ่ ที่อ.หาดใหญ่ โดยตนเป็นคนลงทุนทั้งหมด ส่วนดี๋เพียงแต่หุ้นลมแต่ให้ใช้ชื่อเสียงเข้ามาช่วยบริหารงานและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน ส่วนรถเบนซ์คันที่มีปัญหานั้นได้ซื้อในนามของพิราบขาวคาเฟ่ โดยที่ดี๋เป็นคนค้ำประกัน และใช้เป็นรถสำหรับรับส่งแขกผู้ใหญ่และแขกของดี๋ที่มาเที่ยวคาเฟ่ แต่เมื่อธุรกิจประสบปัญหาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก คาเฟ่จึงล้มและเป็นหนี้กว่า 15 ล้านบาท รวมถึงหนี้ในส่วนของรถเบนซ์ที่ค้างผ่อนชำระ หลายปีที่ผ่านมาตนพยายามเคลียร์ปัญหาหนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะรถเบนซ์ ซึ่งได้ส่งคืนให้บริษัทวิริยะลิซซิ่งและขายทอดตลาดไป และพยายามเจรจาประนอมหนี้ จนสุดท้ายเมื่อปีที่แล้วเหลือยอดอยู่ประมาณ 120,000 บาท ซึ่งตนก็ยังผ่อนชำระเดือนละประมาณ 10,000 บาทไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด
นายนิพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ภรรยาดี๋ออกมาระบุว่าเป็นสาเหตุให้เครียดจนล้มป่วยหนักคือธุรกิจเหมืองแร่ ซึ่งเรื่องนี้ยิ่งไม่ใช่ปัญหา เพราะดี๋ไม่ได้เข้าไปร่วมลงทุน ธุรกิจเหมืองแร่เหล็กที่จ.เลย และจ.นครราชสีมา นั้น เมื่อปี 46 ตนเป็นคนชักจูงนักธุรกิจชาวต่างชาติให้มาลงทุนทั้งหมดเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท และยังพูดกับดี๋ว่าหากธุรกิจนี้สำเร็จมีกำไรจะช่วยเคลียร์ปัญหาหนี้สินให้ทั้งหมด แต่สุดท้ายธุรกิจก็มีปัญหาในช่วงน้ำมันราคาสูง จึงต้องปิดกิจการไป ไม่มีอะไรที่ดี๋ต้องรับผิดชอบเลย
นายนิพัทธ์ กล่าวว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ทำธุรกิจคาเฟ่แต่เจ๊งเป็นหนี้ 15 ล้านบาท ตนถูกฟ้องล้มละลาย 3 คดี ทั้งหนี้สินและรถเบนซ์แต่พยายามเคลียร์ให้จบ ได้ใช้หนี้ไปแล้วร่วม 13 ล้านและรถเบนซ์ก็ยังผ่อนอยู่ จึงอยากขอความเป็นธรรมจากสังคมที่มองว่าตนเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวดี๋เดือดร้อน และทำให้ดี๋ต้องล้มป่วยจนเสียชีวิต ทุกวันนี้คนในครอบครัวได้รับผลกระทบ ทั้งตนเองในฐานะนักการเมือง พ่อแม่ลูกและภรรยาคือ ศจี สายชล ซึ่งเป็นศิลปินนักร้องรางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทาน ถูกมองในแง่ลบไปด้วย
