ครอบครัวยังยืนยันยกเด็กชายวัย 5 เดือน ให้ตำรวจอุปการะ แม้สังคมด่าขายหลานกิน

ครอบครัวยังยืนยันยกเด็กชายวัย 5 เดือน ให้ตำรวจอุปการะ แม้สังคมด่าขายหลานกิน

ครอบครัวยังยืนยันยกเด็กชายวัย 5 เดือน ให้ตำรวจอุปการะ แม้สังคมด่าขายหลานกิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(11 ก.ย.62) กรณีการโพสต์ภาพเด็กทารกระบุข้อความหาคนอุปการะ พร้อมข้อความโอนจองและรอรีวิว จนเป็นที่วิพากษ์วิจารย์ของสังคมเป็นวงกว้างนั้น ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปยังบ้านพักของครอบครัว เด็กชาย 5 เดือน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นบ้านไม้เก่าแบบ 2 ขั้น อยู่รวมกันหลายครอบครัว ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวม 11 คน ซึ่งมีฐานะยากจนนั้น       

>> ดราม่า "เพจขายทารก" ส่อพลิก! ครอบครัวโผล่คุยตำรวจ โต้ขายเด็กกิน

นายหิน อายุ 35 ปี ตาของเด็กชายวัย 5 เดือน เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังรับสายโทรศัพท์ ไม่ได้หยุด และยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ใครที่โทรมาสอบถามแบบดีๆ ตนก็พูดดีด้วย แต่ถ้าใครพูดไม่ดี ด่ามา ตนยอมรับว่าด่ากลับ เพราะเกินที่จะทนแล้ว กับการที่ครอบครัวต้องมาทนกับเสียงด่าทอของสังคม แต่เรื่องไม่เป็นจริงดังกล่าว 

โดยหลังจากเกิดเรื่องได้โทรศัพท์พูดคุยกับดาบตำรวจมาโดยตลอด โดยพบว่า ดาบตำรวจมีความเครียด และกังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อความรู้สึกของเด็กชาย 5 เดือนในอนาคต แต่ยืนยันว่าครอบครัวจะยังคงยกเหลนชายให้กับดาบตำรวจรายนี้เหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมามีการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ทั้งเรื่องความรักเด็ก และรักครอบครัวของตน หน้าที่การงาน ฯลฯ โดยหลังจากนี้จะเดินเรื่องเอกสารต่างๆให้ถูกต้องตามกฎหมายให้เสร็จเรียบร้อย

ตนยอมรับว่าครอบครัวมีฐานะยากจน ล่าสุดเพิ่งขายเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นไปเพื่อหาเงินเป็นค่ายารักษาโรคมะเร็งลำไส้ แต่ตนและครอบครัวก็ไม่เคยคิดจะขายเหลนชายกิน อย่างที่สังคมเข้าใจอย่างแน่นอน โดยขณะนี้มีสื่อมวลชนจำนวนมากติดต่อเข้ามาเพื่อขอให้ตนไปออกรายการโทรทัศน์ ที่กรุงเทพฯ แต่ตนไม่ไปเพราะถือว่าได้ชี้แจงข้อมูลทั้งหมดให้สังคมได้รับทราบไปหมดแล้ว และเริ่มมีเพจบางเพจ ส่งข้อความมาขอโทษ และโทรศัพท์มาขอโทษบ้างแล้วก็มี และได้ทยอยลบข้อมูลดังกล่าวออกไป 

ส่วนจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเพจที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จไปเผยแพร่ออนไลน์หรือไม่นั้น เบื้องต้นคงยังไม่มีการฟ้องร้องเพราะกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ในอนาคตหากมีหน่วยงานใด หรือทนายอาสา ยื่นมือช่วยเหลือ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตนก็พร้อมดำเนินคดีกับเพจต่างๆอย่างแน่นอน หากยังไม่ยอมหยุดด่าครอบครัวตนเอง 

อยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนกับสังคมสื่อออนไลน์ หากจะโพสต์เรื่องใด ให้มีการตรวจสอบก่อน ไม่ใช่โพสต์ด่าไปแล้วค่อยมาขอโทษทีหลัง ทำเพื่ออะไรได้ประโยชน์อะไร เพราะครอบครัวตนเสียหาย เสียชื่อ เสียความรู้สึกไปแล้ว 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook