ดราม่า "เพจขายทารก" ส่อพลิก! ครอบครัวโผล่คุยตำรวจ โต้ขายเด็กกิน

ดราม่า "เพจขายทารก" ส่อพลิก! ครอบครัวโผล่คุยตำรวจ โต้ขายเด็กกิน

ดราม่า "เพจขายทารก" ส่อพลิก! ครอบครัวโผล่คุยตำรวจ โต้ขายเด็กกิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครอบครัวจำเลยสังคม "เพจขายทารก" โร่พบตำรวจ ยืนยันไม่ได้ขายเด็กกิน แม่เด็กเป็นใบ้-หูหนวก ท้องไม่มีพ่อ ย้ำอยู่ระหว่างทำเรื่องรับรองบุตรบุญธรรมให้นายดาบ

จากกรณีที่มีการแชร์ภาพเด็กทารกแรกเกิด พร้อมข้อความที่ทำให้เข้าใจว่า เป็นการซื้อขายเด็กทารก เนื่องจากมีการใช้คำว่า โอนจอง, รับอุปการะแล้ว หรือ รอรีวิวเด็ก เป็นต้น โดยมีข้อมูลส่วนหนึ่งอ้างว่าเป็นเด็กจาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเป็นอย่างมาก ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวไปยัง พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.หัวหิน ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลดังกล่าวแล้ว ซึ่งได้ทำตรวจสอบข้อเท็จจริงและสืบหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง กระทั่งทราบว่าครอบครัวดังกล่าวอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จึงได้เชิญตัวมาเพื่อสอบปากคำและให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

โดยครอบครัวของเด็กทารกวัย 5 เดือน ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย นางสาวเฮเลน (นามสมมติ) อายุ 22 ปี แม่ของเด็กทารก โดยพบเป็นผู้พิการใบ้และหูหนวก, นายหิน (นามสมมติ) อายุ 35 ปี เป็นอาของนางสาวเฮเลน, นางทราย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี เป็นป้าของนางสาวเฮเลน ซึ่งเป็นผู้ดูแลเฮเลนและเลี้ยงหลานชายตั้งแต่แรก เนื่องจากพ่อของนางสาวเฮเลนต้องโทษอยู่ในเรือนจำ

>> เกิดอะไรขึ้นสังคม? เปิดเพจเฟซบุ๊กขาย "ทารก" โอนจองพร้อมส่ง-อ้างแม่ท้องไม่พร้อม

นายหิน เปิดเผยว่า ตนคือเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุไว้ในเพจเฟซบุ๊ก แต่ยืนยันว่าครอบครัวไม่ได้ประกาศขายเหลนวัย 5 เดือน อย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าได้ติดต่อกับเพจ เพื่อหาคนอุปการะเหลนชายจริง โดยทางเพจแจ้งว่าขอเบอร์โทรศัพท์และรูปของเหลนชายเอาไว้ เพื่อไว้ติดต่อหาพบคนที่มีความพร้อมและเหมาะสมจะเลี้ยงเหลนชายของตนเท่านั้น

ทั้งนี้ ตนไม่คิดว่าจะมีการนำไปโพสต์ในลักษณะดังกล่าว ซึ่งตลอดทั้งวันครอบครัวของตนถูกสังคมต่อว่าอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ทางครอบครัวจึงต้องการร้องขอความเป็นธรรมด้วย

ส่วนสาเหตุที่ครอบครัวได้ปรึกษากันและลงความเห็นว่ามีความจำเป็นต้องหาคนอุปการะเหลนชายวัย 5 เดือนนั้น เนื่องจาก น้องเฮเลนอายุ 22 ปี แม่ของเด็กซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาว เป็นผู้พิการตั้งแต่กำเนิด พูดไม่ได้และเรียกไม่ได้ยิน แต่ยังสามารถสื่อสารกับครอบครัวได้บ้าง

น้องเฮเลนได้ตั้งท้องโดยไม่มีพ่อ ซึ่งแม่เด็กไม่สามารถบอกข้อเท็จจริงในส่วนนี้ได้ ประกอบกับครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีใครสามารถรับภาระดูแลเด็กได้ เพราะป้าของเฮเลนก็มีลูกๆ ต้องดูแลถึง 8 คนแล้ว จึงอยากให้เหลนชายคนนี้ได้อยู่กับครอบครัวที่มีความพร้อม อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี และให้การศึกษาที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ขณะที่กรณี นายดาบตำรวจใน จ.สมุทรสาคร ที่รับเหลนชายไปอุปการะนั้น ครอบครัวพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เนื่องจากตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา นายดาบผู้นี้ได้แสดงออกว่ารักและเอ็นดูเหลนชาย หากมีเวลาว่างจะแวะมาเยี่ยมมาเล่นกับเหลนอยู่ตลอด ครอบครัวจึงตัดสินใจที่จะยกเหลนชายให้เป็นบุตรบุญธรรม โดยไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ ไม่มีการซื้อขายแต่ยกให้ตามความเหมาะสม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการเรื่องเอกสารขอรับเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งได้วางแผนไว้ว่าจะดำเนินการในสัปดาห์หน้า แต่ดันเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเสียก่อน

ทางด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์กล่าวว่าได้ให้ พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.หัวหินตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงเชื่อได้ว่ากรณีนี้เป็นความเข้าใจผิด ไม่มีการซื้อขายเด็กทารกอย่างที่ปรากฎข้อมูลในสื่อออนไลน์ แต่เป็นความยินยอมของครอบครัวที่ต้องการหาผู้อุปการะเด็ก และอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมขออนุญาตรับรองบุตรบุญธรรม

ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปในโซเชียลนั้น เบื้องต้นถือว่าผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะถือว่าเป็นการนำข้อความอันเป็นเท็จขึ้นสื่อออนไลน์ จนก่อให้เกิดการเข้าใจผิดและเสื่อมเสียชื่อเสียง หากทางครอบครัวผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้โพสต์หรือผู้แชร์เรื่องดังกล่าวก็สามารถทำได้เป็นสิทธิ์ของผู้เสียหาย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ในกรณีของน้องเฮเลนนั้น ขณะนี้เทศบาลเมืองหัวหินได้ยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่งแก่ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเบิกจ่าย 3,000 บาท

โดยเทศบาลเมืองหัวหินยื่นเรื่องขอรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร ส่วนกรณีการยืนเอกสารเพื่อขออุปการะเด็กและรับรองเป็นบุตรบุญธรรมนั้นตามกฎหมายจะต้องยื่นเรื่องขออนุญาตในท้องที่ที่มีผู้ลำเนา ซึ่งกรณีนี้คือหน่วยงานราชการในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook