กมธ.งบปี53 แฉ ก.พาณิชย์ตุกติก
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าระหว่างประกันราคากับการค้ำประกันอะไรจะดีกว่ากัน เหมือนๆกับภริยากับน้องภริยาใครจะดีกว่า เพราะแรก ๆ ภริยาก็ดีกว่าแต่ตอนหลังน้องภริยาคงดีกว่าแน่หลักของการประกันราคาจะนำต้นทุนบวกกำไรที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้ ขณะเดียวกันงบประมาณที่จ้างบัณฑิตอาสาไว้ดูแลพฤติกรรมการร้านค้าถือว่าได้ผลเกินกว่าที่เป้าหมายกำหนด โดยมีการผลิตบัณฑิตอาสาได้ถึง 1,071 คนจากเดิมที่ตั้งไว้เพียง 1,000 คน
นางผุสดี ตามไทส.ส.สัดส่วน กรรมาธิการฯพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิทันทีว่า ไม่ชอบเลยที่เอาเพศแม่มาเทียบเล่น ทั้งที่สังคมกำลังมีปัญหานี้อยู่ จึงไม่ทราบว่าผู้พูดอยู่ในฐานะอะไรไม่ทราบที่มาเปรียบเปรยภริยาและน้องภริยาว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน ขณะที่ นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการได้ขอแขวนงบธงฟ้าจำนวน 85 ล้านบาทก่อนโดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่มีการเสนอแผนงานว่าจะจัดในที่ใดและอย่างไรบ้าง
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี กรรมาธิการฯ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ซักถามถึงตัวเลขการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีตัวเลขเกินจริงจนทำให้มีการลักลอบนำข้าวโพดจากต่างประเทศเข้ามาแฝงเพื่อสวมสิทธิ์ ทั้งนี้ พบว่า สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรระบุว่าเฉพาะ จ.ตาก รับจำนำเกินข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เกินถึง 45,000 ตัน
ด้าน นายยรรยง ชี้แจงว่า กรมการค้าภายในได้จำกัดการขนย้ายข้าวโพดในปริมาณที่เกิน1 พันกิโลกรัมจะเข้าออกประเทศต้องได้รับการอนุญาตก่อนเท่านั้นซึ่งก็ได้ผลในการสกัดกั้นพอสมควร ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการนำข้าวโพดจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิ์จริงแต่รัฐกำลังพยายามสกัดกั้นอยู่
ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้แขวนงบโครงการธงฟ้าไปก่อนเพื่อให้คณะอนุกรรมาธิการฯไปพิจารณารายละเอียดเพื่อให้กรมการค้าภายในนำเสนอแผนงานที่ชัดเจนก่อน จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาต่อในส่วนของงบประมาณกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่ง นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการได้ซักถามว่าในแต่ละปีต้องเสียค่าทรัพย์สินทางปัญญาให้กับต่างชาติเป็นเงินจำนวนเท่าใด ซึ่งนางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ชี้แจงว่าในปี 50 มีรายรับจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 1,800 ล้านบาท แต่จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ออกไปจำนวน 79,000 ล้านบาท ทำให้ขาดดุลอยู่ 70,000 ล้านบาท.