ประกันฯโอดแบกสินไหมเทรดเครดิตพุ่ง60% ปัดลูกค้าใหม่กลุ่มเสี่ยงสูง''อัญมณี-อิเล็คทรอนิคส์''

ประกันฯโอดแบกสินไหมเทรดเครดิตพุ่ง60% ปัดลูกค้าใหม่กลุ่มเสี่ยงสูง''อัญมณี-อิเล็คทรอนิคส์''

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมืองไทยประกันภัยโอด ภาระจ่ายสินไหมทดแทนจากการรับประกันภัยเทรดเครดิตพุ่ง 60-70%จากปีก่อน ปัดรับประกันลูกค้าใหม่กลุ่มเสี่ยงสูง เช่น อัญมณี อิเล็กทรอนิคส์ อุปกรณ์ก่อสร้าง ส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป และเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจยา อาหาร และพลังงานยังมีสัญญาณบวก ด้านสินทรัพย์ประกันภัยเผยแม้ที่ผ่านมาเน้นรับประกันกลุ่มอัญมณี แต่ไม่มีปัญหาจ่ายสินไหมเพิ่ม เหตุเลือกลูกค้าเกรดเอเท่านั้น

ผลกระทบต่อเนื่องจากภาคส่งออก 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ที่หดตัวประมาณ 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากจะมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในภาคดังกล่าวที่หดตัวลงแล้ว ยังมีผลต่อบริษัทประกันภัยที่รับประกันสินเชื่อทางการค้า หรือ เทรดเครดิต

นายวาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 5 เดือนแรกปีนี้ มูลค่าสินไหมของการรับประกันเทรดเครดิต (ประกันสินเชื่อทางการค้า)เพิ่มขึ้นถึง60-70% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อน โดยขณะนี้มีมูลค่าหนี้สินของผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าแจ้งเข้ามาถึง 70-80 ล้านบาท ซึ่งยังต้องมีการประเมินการจ่ายสินไหมก่อนว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าส่งออกสินค้ากลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ อัญมณี อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการสูญเสียสูงเกิน 100 % จากที่ผ่านมาอยู่ที่ 70% โดยนอกจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวที่เป็นกลุ่มมีความเสี่ยงสูงแล้ว บริษัทฯยังเผ้าระวังการรับประกันกลุ่มธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมด้วย

นโยบายของบริษัทหลังจากนี้ คือ ไม่รับประกันลูกค้าใหม่กลุ่มเสี่ยงสูงดังกล่าว โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ทุนประกัน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป และมีการส่งออกไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง ซึ่งที่ผ่านมาใช้วิธีปรับเบี้ยประกันเพิ่มถึง 2 เท่า หรือคิดอัตราเบี้ยประกัน 0.25-3% ของทุนประกัน ส่วนกลุ่มลูกค้ารายเก่าจะเข้าไปสำรวจภัยมากขึ้น โดยที่ธุรกิจส่งออกต้องส่งรายชื่อฐานลูกค้ามาให้บริษัท เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูล ประเมินความเสี่ยงและปรับปรุงการรับประกันภัยให้มีความเสี่ยงที่ลดลง

ประกันภัยเทรดเครดิต มีแนวโน้มความเสี่ยงภัยจากภัยที่มองไม่เห็นสูงมาก เป็นผลจากความผันผวนของวิกฤตเศรษฐกิจโลก ควบคุมได้ยาก ทำให้ต้องระมัดระวังในการรับประกันมากขึ้น เพื่อพยายามรักษาพอร์ตการรับประกันไม่ให้ขาดทุนในปีนี้ นายวาสิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่บริษัทยังรับประกันเทรดเครดิตที่ยังมีสัญญาณที่ดี เช่นกลุ่ม ยา อาหาร พลังงาน ที่ยังมีสัญญาณที่ดี คาดว่าจะสามารถประคองเบี้ยไว้ได้ บริษัทตั้งเป้าสิ้นปีนี้ขยายเบี้ยประกันภัยจากกลุ่มสินค้าประกันแบบพิเศษ (Special Product) อื่นๆ ได้แก่ ประกันความรับผิดของผู้บริหาร (D & O) ,ประกันภัยลูกหนี้การค้า (เทรดเครดิต) ไว้ที่ 150 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 110-120 ล้านบาท

นายสมนึก สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด กล่าว่า แม้บริษัทจะรับประกันภัยกลุ่มธุรกิจส่งออกประเภทอัญมณีเป็นจำนวนมาก แต่ในช่วงที่ยอดส่งออกลดลง 10-20% ก็ไม่มีค่าสินไหมเพิ่มหรือคิดเป็น0% เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา เพราะบริษัทจะรับประกันภัยธุรกิจอัญมณีเฉพาะระดับเกรด A หรือมียอดขายตั้งแต่ 100-500 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็นเบี้ยประกันต่อปีเฉลี่ยประมาณ 40 ล้านบาท ถือเป็นข้อได้เปรียบที่บริษัทเฝ้าระวังป้องกันความเสี่ยง ในการรับประกันกลุ่มธุรกิจส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือยเอาไว้แล้ว

ลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีกำไร 30-40 ล้านบาทต่อปี เมื่อเกิดวิกฤตยังมีสายป่านที่ยาวจึงไม่ได้รับผลกระทบมากกับธุรกิจอัญมณีที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทได้เข้าไปทำตลาดโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชั้นดีที่แนะนำแบบปากต่อปาก มีระบบป้องกันความเสี่ยงภัยสูง อาทิ บางกอกเจมส์แอนด์จิลเวอร์รี่ ทุนประมาณ 1,000 -5,000 บาทต่อครั้งมีระยะเวลาจัดงาน 5 วัน เบี้ยประกันประมาณล้านกว่าบาทต่อครั้ง นายสมนึกกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook