ไผ่พืชเศรษฐกิจคึกคัก นักธุรกิจ-เกษตรกรแห่ร่วมงาน หนุนต่อยอดเพิ่มมูลค่ามหาศาล
นางนารีณัฐกล่าวว่า ไผ่เป็นชีวิตของคนไทย ในหน้าฝนไผ่จะเป็นอาหารหลักของประเทศ เกษตรกรจะใช้หน่อไม้นำมาแปรรูปเป็นอาหาร เพราะหารับประทานและทำอาหารได้ง่าย ไผ่เป็นพืชที่ปลูกและเติบโตได้รวดเร็วประมาณ 2-3 ปี สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตนำไปขายได้ ทั้งต้นและหน่อไม้ ปลูกได้ทั่วประเทศ ซึ่งแหล่งผลิตตามธรรมชาติอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ส่วนแหล่งที่เกษตรกรนิยมปลูกมากที่สุดในประเทศไทยอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี และที่นิยมปลูกกันมากที่สุด คือ ไผ่ตง ไผ่ลวก และไผ่สีสุก ฯลฯ
ดร.รุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ นักวิชาการป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า สายพันธุ์ไผ่ในเมืองไทยมีความหลากหลายอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น การนำมาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับไผ่พบว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นและจีนที่มีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล หากมีการพัฒนาต่อไปจะช่วยสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรไทยได้เป็นอย่างมาก
รศ.ธัญพิสิษฐ์ พวงจิก ภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กล่าวว่า ถ้าประเทศไทยมีการพัฒนาต่อยอดนำไปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ใน 11 อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ด้านการก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิตไม้แผ่นและไม้ไผ่อัด อุตสาหกรรมหน่อไม้ อุตสาหกรรมถ่านและผงคาร์บอน จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้นถึงกว่าแสนล้านบาท
นายนาวี ปรางจโรจน์ เจ้าของสวนไผ่ไต้หวัน เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาปลูกป่า ปี 2548 กล่าวว่า อาชีพการปลูกไผ่สามารถสร้างรายได้ได้จริง นอกจากจะให้ผลตอบแทนได้เป็นอย่างดีจากการจำหน่ายหน่อและต้นพันธุ์ที่ทำรายได้ให้ตนมากกว่า 1 ล้านบาทต่อปี แต่สิ่งที่มากกว่าเงินที่ได้รับ คือ ได้ป่าไม้ร่มรื่น และได้ความอุดมสมบูรณ์คืนให้กับพื้นดิน และอยากแนะนำให้เกษตรกรที่ทำเกษตรในลักษณะผสมผสานควรมีการจัดแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ปลูกไผ่หลากหลาย โดยเลือกสายพันธุ์ไผ่ที่ให้ประโยชน์ได้ทั้งหน่อดกและสามารถบริโภคได้