สดศรีปัดดอง 28 ส.ส.ปชป.ถือหุ้น อ้างล่าช้าไม่ได้รับร่วมมือ ท้าสุนัยโชว์หลักฐาน กกต.ไล่ไม่ให้แจง

สดศรีปัดดอง 28 ส.ส.ปชป.ถือหุ้น อ้างล่าช้าไม่ได้รับร่วมมือ ท้าสุนัยโชว์หลักฐาน กกต.ไล่ไม่ให้แจง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สดศรีปัดดอง 28 ส.ส.ปชป.ถือหุ้น อ้างล่าช้า เพราะไม่ได้รับร่วมมือ พร้อมท้าสุนัยโชว์หลักฐานกกต.ไล่ขับไม่ให้เข้าชี้แจง วอน ส.ส.ให้ความร่วมมือ ขู่เผยชื่อคน-บริษัทที่อิดออด

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการพิจารณาสมาชิกภาพของ 44 ส.ส. ที่อาจกระทำการต้องห้ามมาตรา 48 ประกอบ มาตรา 265 (2) (4) ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากถือหุ้นในกิจการสื่อและหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานรัฐ ซึ่งกกต.เลื่อนการวินิจฉัยออกไปอีก 15 วันว่า การที่ต้องเลื่อนออกไป เพราะยังมีบางบริษัทและ ส.ส. อีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้มาให้ปากคำกับ กกต. ตามที่คณะอนุกรรมการสอบสวนเชิญไป จึงอยากขอความร่วมมือกับผู้ที่ยังไม่ให้ปากคำให้มาชี้แจงภายใน 15 วัน หากกกต.ไม่ได้รับความร่วม ก็อาจต้องใช้สิทธิประกาศรายชื่อบริษัท และรายชื่อ ส.ส. ที่ไม่ให้ความร่วมมือ เพราะเราอยากพิจารณาด้วยหลักฐานที่ครบถ้วนและมีความชัดเจน ไม่อยากให้ใครมาว่า กกต. พิจารณาโดยไม่มีหลักฐานครบถ้วน และจะมาโวยวายว่า กกต.ไม่ทำตามหลักเกณฑ์ไม่สอบปากคำ

ส่วนกรณีที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุเพิ่งได้รับหนังสือเรียกไปชี้แจงและมี ส.ส.บางคนอ้างได้ขอเข้ามาชี้แจงแต่เจ้าหน้าที่ กกต.ไม่อนุญาตและไล่กลับนั้น นางสดศรี กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่เป็นความจริง พูดอย่างนี้เจ้าหน้าที่เราเสียหาย ขอให้เอาหลักฐานมา กกต.จะเป็นผู้พิจารณาว่ามีการทำเช่นนั้นหรือไม่ และจะดำเนินการหากเป็นความจริง แต่หากไม่จริงก็อ

ยืนยัน กกต.ไม่ได้จ้องจับผิดใคร ส่วนที่มีผู้ระบุว่า ส.ส. ส.ว. บางคนถือหุ้นเพียงเล็กน้อยและไม่มีอำนาจบริหารหรือแทรกแซงได้เหตุใด กกต.ไม่ปล่อยไปนั้น เนื่องจากเรื่องนี้มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 แล้ว และการที่พิจารณาครั้งนี้เราก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดสุญญากาศ แต่ต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งต้องตีความต่อในศาลรัฐธรรมนูญว่า ส.ส. ถือหุ้นไว้ผิดหรือไม่ นางสดศรี กล่าว

เมื่อถามว่า เหตุใดกกต.จึงไม่พิจารณา 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก่อน ทั้งที่มีร้องเข้ามาก่อนหน้าของพรรคเพื่อไทย นางสดศรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาฯ กันคนละคณะ และทราบว่า กรณีของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถือหุ้นก็พิจารณาเสร็จแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการทำสรุปก่อนเสนอให้ กกต. พิจารณาเท่านั้น หากเรื่องเข้ามาก็ต้องดูว่าการพิจาณาของอนุกรรมการฯ เหมือนกับที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะการพิจารณาของ กกต.ก็เหมือนศาล ต้องดูเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่พิจารณากรณีของ ส.ว. ทำได้ละเอียดมาก เราก็ไม่อยากตำหนิ อนุกรรมการฯชุดอื่นว่าน่าจะใช้มาตรฐานเดียวกัน

เมื่อถามว่า คณะอนุกรรมการทำงานยังไม่เสร็จเป็นเพราะฝ่ายการเมืองขอให้ทำเรื่องช้าๆ เพราะอาจจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองใช่หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า เราไม่อยากคิดแง่ร้ายว่าจะมีการประวิงเวลาหรือดึงเรื่อง เราไม่อยากให้ใครมาบอกว่า กกต. ใช้เกียร์ว่างเพราะเรามีหน้าที่ในการตรวจสอบเมื่อร้องเข้ามาก็ตองดำเนินการ อีกทั้ง กกต. ไม่ได้รับความร่วมมือ ทำให้การพิจารณาต้องล่าช้าออกไป

เราไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครเลย และเราก็ไม่เคยคิดจะเอาคืนด้วย การที่มีคนกล่าวหาว่า กกต.เป็นโมฆะ แล้วเราจะมาเอาคืนก็ไม่ใช่ ถ้าจะเอาคืนต้องเอาทั้งสภาและความจริงแล้ว กกต. ก็ไม่ได้ขัดแย้งกับสภามีแต่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ กล่าวหาว่า กกต.เป็นโมฆะ ก็น่าจะไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้มีการตีความว่า กกต. โมฆะจริงหรือไม่ นางสดศรี กล่าว

ด้าน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวว่า เหตุที่กกต.ที่ต้องขยายเวลาออกไปเพราะการพิจารณาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนยังขาดข้อมูลและข้อเท็จจริง โดยเฉพาะข้อมูลของบริษัทต่างๆที่ขาดกว่า70 บริษัท จึงไม่ด่วนพิจารณา กกต. ต้องการมาตรฐานแนวเดียวกับ ส.ว. และเกิดความเท่าเทียมกัน ทั้งนี้เมื่อครบ 15 วันจะขยายเวลาอีกหรือไม่คงต้องพิจารณาอีกครั้ง เบื้องต้นอยากให้ ส.ส. และผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล และหากไม่สะดวกมาด้วยตนเองก็ส่งเอกสารแทนได้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการดึงเรื่องการพิจาณา คำร้องในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook