ต้องปรับตัว
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห่วงผลผลิตด้านการประมงของไทย ที่มีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี52 คาดว่าผลผลิตโดยรวมจะมีประมาณ 3.1 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนที่ผลิตได้ประมาณ 3.8 ล้านตัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ผลผลิตลดลงเกิดจากพิษเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
รวมถึงข้อกำหนดในการทำประมงต้องให้เป็นการลงทุนร่วมระหว่างประเทศจากเดิมที่ให้สัมปทาน และการออกประกาศระเบียบป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU) ของสหภาพยุโรปหรืออียู
อุตสาหกรรมประมงไทยต้องปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาระดับปริมาณและมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงเอาไว้ประมาณปีละ 2.2 แสนล้านบาท
แต่สินค้าประมงไทยผูกติดกับตลาดหลัก คือ สหรัฐ และญี่ปุ่น ที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกมากเกินไป
รัฐบาลควรหาตลาดใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง ปี53 ตลาดที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของภาคเศรษฐกิจสูงที่สุด คือ จีน อินเดีย และเวียดนาม
หากภาคการประมงไทยเร่งปรับตัวในปัจจุบัน ยังมีโอกาสที่ผลักดันให้ภาคประมงมีสัดส่วนเป็น 10% ของจีดีพีภาคการเกษตร จากขณะนี้มีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น
สำคัญรัฐบาลต้องไม่ลืมทำตัวเป็นพี่เลี้ยง ใช้ประโยชน์จากกฎหมายระหว่างประเทศ
เพื่อนำพาประมงไทยบุกตลาดใหม่ให้สำเร็จ