โจ๋แว้นรถประกบสาวชวนหลับนอน-เหยื่อไม่เล่นด้วย กระชากกระเป๋าแทนก่อนขี่หลบหนี

( 13 ก.ย. 61 ) ที่ จ.สุพรรณบุรี ร.ต.อ.ประเทือง น้ำดอกไม้ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายกระชากกระเป๋าที่ถนนมาลัยแมนสายอู่ยา-อู่ทอง หมู่ 4 ต.สวนแตง จึงไปตรวจสอบพร้อม กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจตำบลสวนแตง
โดยที่เกิดเหตุเลยโค้งบางกุ้ง ก่อนถึงปั๊มน้ำมัน ปตท.ประมาณ 500 เมตร พบผู้เสียหายชื่อ น.ส.ฉันทนา ซื่อสัตย์ อายุ 18 ปี ยืนรออยู่ด้วยอาการตกใจกลัว
จากการสอบถามเบื้องต้นผู้เสียหายเล่าว่า ตนทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ อยู่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุพรรณบุรี ก่อนเกิดเหตุหลังจากร้านเลิกตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากร้านจะไปหาแฟนที่บ้านสวนแตง โดยขับมาตามถนนสายดังกล่าว ก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 3 กม. มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสวมเสื้อคลุมผ้าร่มสีดำ นุ่งกางเกงยีนขาสามส่วนขี่ตามประกบ
จากนั้นคนร้ายได้เปิดหน้าหมวกกันน็อก พร้อมกับชวนพูดคุย โดยคนร้ายทำทีเป็นถามว่า จะไปไหนตนจึงตอบไปว่าจะไปหาแฟน และตนได้ถามคนร้ายกลับไปว่าแล้วเธอบ้านอยู่ที่ไหนจะไปไหนคนร้ายตอบว่าบ้านอยู่ที่ตลาดศรีบัวบาน กำลังจะไปอู่ทองและคนร้ายพยายามให้ตนจอดรถคุยกัน ตนไม่ยอมจอดและพยายามขับหนี คนร้ายจึงขับตามและพยายามชวนไปหลับนอนด้วยตนบอกไม่ไปจะไปหาแฟน
กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายจึงแสดงตัวเป็นคนร้ายทันที โดยการกระชากกระเป๋าสะพายแบบหลุยส์ ซึ่งวางอยู่ที่พักเท้าอย่างแรงจนไฟเลี้ยวหน้าหลุดรถจักรยานยนต์ของตนแทบล้ม โดยก่อนลงมือก่อเหตุคนร้ายได้พูดทิ้งท้ายว่า “เธอไม่ไปกับเรานี่”
ทั้งนี้ ภายในมีกระเป๋าสตางค์มีเงินสด 800 บาท บัตรเอทีเอ็ม มีเงินอยู่ประมาณ 3,000 กว่าบาท เครื่องสำอางและเครื่องไอแพด ของร้านหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถย้อนศร กลับเข้าทางตัวเมืองสุพรรณบุรี ขณะเกิดเหตุมีพลเมืองดีขับขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านมาพบและช่วยตนขี่รถจักรยานยนต์ช่วยติดตามแต่ไม่ทันคนร้ายหลบหนีไปได้ ตนจึงขี่จักรยานยนต์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมยามและโทรศัพท์ไปบอกแฟนหนุ่มให้มารับ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า จากการสอบสวนผู้เสียหายจากคำให้การของเบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคาดว่าเป็นวัยรุ่นขี้ยาที่ขี่รถจักรยานยนต์ ซุ่มอยู่ตามมุมมืดคอยดูเหยื่อที่เป็นผู้หญิงขี่รถจักรยานยนต์มาคนเดียว แล้วตามประกบ
เมื่อสบโอกาสจึงลงมือหรือค้นร้ายอาจจะเคยรู้จักกับผู้เสียหายจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามพูดคุยกันเป็นระยะทางเกือบ 3 กม.ก่อนจะลงมือก่อเหตุโดยไม่ใช้อาวุธและไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สืบหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ตามคำให้การของผู้เสียหายเพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ