"Avicii" ดีเจชื่อดังชาวสวีเดน เสียชีวิตแล้วในวัยเพียง 28 ปี

"Avicii" ดีเจชื่อดังชาวสวีเดน เสียชีวิตแล้วในวัยเพียง 28 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าของผลงานเพลงชื่อดัง Wake Me Up และดีเจที่ค่าตัวแพงติดอันดับโลกจากการสำรวจของนิตยสารฟอร์บส์ เสียชีวิตที่ประเทศโอมาน ขณะมีอายุได้ 28 ปี

อะวีชี 'Avicii' ดีเจและโปรดิวเซอร์ผลงานเพลงแนวอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ หรือ EDM เสียชีวิตที่เมืองมัสกัต ประเทศโอมาน ตามเวลาท้องถิ่น วันที่ 20 เม.ย. โดยนิตยสาร 'พีเพิล' รายงานอ้างอิงคำแถลงของตัวแทนอะวีชี ซึ่งยืนยันว่าเขาเสียชีวิตแล้วจริงๆ ขณะมีอายุได้ 28 ปี แต่ยังไม่มีรายงานสาเหตุการเสียชีวิต

ส่วนบลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน (17 เม.ย.) อะวีชีเพิ่งจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทางดนตรี บิลบอร์ด มิวสิก อวอร์ด ในสาขาอัลบั้มเพลงแดนซ์/อิเล็กทรอนิกส์ จากผลงาน Avicii (01) ซึ่งเขายังได้ทวีตข้อความขอบคุณผู้จัดการประกวดรางวัลผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวก่อนจะเสียชีวิต

ทั้งนี้ อะวีชี เป็นชาวสวีเดน ชื่อจริง 'ทิม เบิร์กลิง' มีผลงานเป็นที่โด่งดังครั้งแรกเมื่อปี 2011 จากผลงานเพลง Level ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ หลังจากนั้นก็ยังมีผลงานเพลงยอดนิยมออกมาอีกหลายเพลง ทั้ง Wake Me Up, The Days และ You Make Me โดยเขาเคยได้รับรางวัลแกรมมี 2 ครั้งในปี 2012 และ 2013

อะวีชีเคยอธิบายว่าชื่อในวงการของเขามาจากคำว่า 'อเวจี' นรกขุมต่ำสุดตามความเชื่อทางศาสนาพุทธ และอัลบั้ม True ที่ออกมาในปี 2013 และอัลบั้ม Stories ในปี 2015 ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้เขาต้องตระเวนแสดงคอนเสิร์ตตามประเทศต่างๆ และกลายเป็นดีเจที่มีค่าตัวแพงติดอันดับต้นๆ ของโลก จากการสำรวจของนิตยสารฟอร์บส์ โดยในปี 2014 รายได้ของเขาตลอดทั้งปีรวมเป็นเงิน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 924 ล้านบาท)

การประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เขาใช้ชีวิตไม่เป็นเวลา และต้องทำงานในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์และยาเสพติด ส่งผลให้สุขภาพของเขาย่ำแย่ คาดว่าการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักเป็นเหตุให้เขามีอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ต้องเข้ารับการผ่าตัดในปี 2016 และต้องยกเลิกการจัดแสดงคอนเสิร์ตเพื่อรักษาร่างกายให้ฟื้นตัว

เมื่อปี 2017 อะวีชีเคยให้สัมภาษณ์กับผู้จัดทำภาพยนตร์ชีวประวัติของเขาซึ่งใช้ชื่อว่า Avicii: True Stories โดยเขายืนยันว่าการเลือกใช้ชีวิตและการทำอาชีพนี้ ไม่ได้เกิดจากเหตุผลเชิงวัตถุนิยม แต่เขาก็ซาบซึ้งใจในโอกาสมากมายที่ได้รับ รวมถึงรู้สึกขอบคุณแฟนเพลงทั่วโลกที่ให้ความสนับสนุน ทำให้ชีวิตของเขาสุขสบายจากความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ทั้งหมดนั้นอาจไม่ใช่คำตอบของชีวิตเสมอไป

"ผมโชคดีที่ได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อแสดงผลงาน แต่มันก็ทำให้ชีวิตของผมในส่วนที่เป็น 'คนธรรมดา' เบื้องหลังศิลปินแทบไม่เหลืออะไรเลย"

หลังจากข่าวการเสียชีวิตเผยแพร่ผ่านสื่อทั่วโลก ครอบครัวของอะวีชีได้ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา เพื่อขอให้สื่อมวลชนและสาธารณชนเคารพความเป็นส่วนตัว และยังไม่ขอตอบคำถามใดในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook