จตุพร เรียกร้องป๋าเปรมลงเล่นการเมือง บอกทำตัวเป็นแม่ยกเชียร์รบ. ทหารประเมินอยู่ไม่เกิน3วัน

จตุพร เรียกร้องป๋าเปรมลงเล่นการเมือง บอกทำตัวเป็นแม่ยกเชียร์รบ. ทหารประเมินอยู่ไม่เกิน3วัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เสื้อแดงฉลุยปิดล้อมทำเนียบรบ. ประกาศจุดหมายปลายทาง อภิสิทธิ์ ต้องลาออก จตุพร เรียกร้อง ป๋าเปรม ออกมาเล่นการเมืองเต็มตัว ทำตัวเหมือนแม่ยกเชียร์รัฐบาล ทหารประเมินชุมนุมไม่เกิน 3 วัน เสื้อแดงรวมตัวชุมนุมใหญ่สนามหลวง

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มทยอยมารวมตัวกันเมื่อเวลา 09.30 น. ขณะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นายจักรภพ เพ็ญแข, นายกอบแก้ว พิกุลทอง, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายชินวัฒน์ หาบุญพาด รวมตัวกันที่หลังเวที แล้วสลับกันขึ้นปราศรัยเชิญชวนให้คนเสื้อแดงรวมตัวกันให้มากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดงส่วนหนึ่งที่ได้ไปรับเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท และมาร่วมชุมนุม มีมติว่าจะเผาเช็คทิ้ง แต่สุดท้ายมีคนแนะนำให้บริจาคเป็นกองทุนให้คนเสื้อแดงใช้ในการชุมนุม ซึ่งปรากฏว่ามีผู้นำเช็คมาบริจาครวมเป็นเงิน 60,000 บาท

เวลา 12.45 น. กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากสนามมุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งช้ากว่ากำหนดการเดิมที่จะเคลื่อนในเวลา 11.00 น. เนื่องจากจำนวนคนเสื้อแดงยังไม่มากพอ โดยแกนนำอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่สกัดไม่ให้เข้าร่วมการชุมนุม กระทั่งกลุ่มเสื้อแดงจากต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ ชัยภูมิ อุดรธานี ฉะเชิงเทรา ฯลฯ เดินทางมาสมทบ รวมเกือบ 20,000 คน ขณะที่แกนนำอ้างวามีจำนวน 50,000 คน จึงเริ่มเคลื่อนขบวน โดยมีรถบรรทุก 6 ล้อนำขบวน และมีรถเครนขนาดใหญ่ 2 คัน ร่วมมาในขบวนด้วยเพื่อใช้ยกตู้คอนเทนเนอร์ที่เจ้าหน้าที่นำมาขวางถนน และระหว่างเคลื่อนขบวน กลุ่มผู้ชุมนุมได้ส่งเสียง อภิสิทธิ์ออกไป ป๋าเปรมออกไป และ อนุพงษ์ออกไป ดังลั่นถนนเป็นระยะๆ

คุ้มกันเข้มพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล

ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล มีการสนธิกำลังร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทหาร และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เกือบหมื่นนายกระจายกำลังอยู่เต็มพื้นที่ ทั้งยังนำรถดับเพลิง รถน้ำ รถบดถนน รถคุมขังผู้ต้องหามาจอดตามแนวกำแพงรอบทำเนียบรัฐบาล และยังวางรั้วลวดหนามด้านบนของกำแพงด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาสกัดกั้นตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณเชิงสะพานอรทัย ได้นำตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 8 ตู้ มาวางเรียงซ้อนกัน 2 ชั้น เพื่อปิดตายไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ขณะที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐไม่มีการนำเครื่องกีดขวางไปสกัดกั้นเหมือนที่ผ่านมา มีเพียงการนำรั้วเหล็กไปวางปิดทางเข้า-ออกถนนเลียบคลองเปรมประชากร เพียงชั้นเดียวเท่านั้น ขณะที่ประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาลทุกประตูถูกปิดตาย และนำโซ่เหล็กขนาดใหญ่มาคล้องล็อคกุญแจ ยกเว้นประตู 7 ด้านสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่เปิดใช้งานเพียงประตูเดียว เพื่อให้ข้าราชการเข้าปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ

ขรก.โบกเสื้อยอดตึกต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนขบวนของกลุ่มเสื้อแดงเป็นไปอย่างสะดวก เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่ขัดขวาง กระทั่งถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ จึงมีกำลังตำรวจประมาณ 3 กองร้อย และรถคุมขังผู้ต้องหา 10 คัน จอดปิดกั้นประตูทางเข้าไปทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเสื้อแดงจึงเคลื่อนขบวนไปทางแยกแยกมิสกวัน ก่อนเลี้ยวขวาเข้าถนนพิษณุโลก และไปหยุดที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ จากนั้นได้เข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้รถเครนยกตู้คอนเทนเนอร์ 8 ตู้ ที่ตั้งขวางบริเวณเชิงสะพานอรทัย ไปทิ้งในคลองผดุงกรุงเกษม จำนวน 2 ตู้ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าประชิดรั้วทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ เมื่อเวลา 14.45 น.

ด้านข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาล เมื่อทราบข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ต่างคนต่างทยอยเก็บข้าวของและเดินทางกลับบ้านทันที ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่จากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) 3 คน ได้ขึ้นไปติดตั้งกล้องวงจรปิดบนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า จู่ๆ มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเกิดนึกสนุกขึ้นมา จึงนำเสื้อแดงของรายการ ความจริงวันนี้ ขึ้นมาโบกสะบัดบนยอดตึกไทยคู่ฟ้า ระหว่างท่านท้าวมหาพรหมกับเสาธงชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ตักเตือนผ่านวิทยุสื่อสารว่าไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงหยุดพฤติกรรมดังกล่าว

ทักษิณวิดีโอลิงก์27มี.ค.

เวลา 16.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งเวทีใหญ่ ขนาดยาวประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 2 เมตร บนสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมกับตั้งจอโปรเจ็คเตอร์และเครื่องเสียงเป็นจุดรอบทำเนียบรัฐบาล และนายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิงก์ในคืนวันที่ 27 มีนาคมนี้ และใครก็ตามที่พยายามบล็อคสัญญาณ ก็แสดงว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูด เป็นความจริง ส่วนระยะเวลาที่ชุมนุมนั้น ประมาณ 3 วัน แต่คงต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน

นายณัฐวุฒิกล่าวถึงกรณีการเจรจากับรัฐบาลว่า ไม่พร้อมจะเจรจาถ้าต้องการให้ยุติการชุมนุม แต่ยินดีเจรจาเฉพาะที่เกี่ยวกับการดูแลผู้ชุมนุมเท่านั้น ซึ่งวันนี้จะเปิดเผยข้อมูลลับที่สนับสนุนข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม คาดการณ์ว่าวันที่ 28-29 มีนาคมนี้ ผู้ชุมนุมจะมีถึง 1 แสนคนแน่นอน โดยกะจากสายตา วันนี้มาชุมนุมราว 5 หมื่นคน และกำลังจะเข้ามาอีกมากมาย

เป้าหมายให้อภิสิทธิ์ลาออก

นายจตุพรกล่าวถึงชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ได้ยกระดับการต่อสู้ โดยข้ามไปจากนายอภิสิทธิ์แล้ว นายอภิสิทธิ์เป็นแค่จิ๊กซอว์ตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ที่แน่ยิ่งกว่าคือ อมาตยาที่แสดงตนออกมาแล้ว บ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ มันยังเป็นอุปสรรคเพราะยังมีอมาตยาเข้ามาแทรกแซง จุดยืนของกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และจะยืดเยื้อมีดาวกระจายไปเรื่อยๆ โดยจุดหมายปลายทางคือนายอภิสิทธิ์ ต้องลาออกไปเท่านั้น

อยากขอเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ออกมาเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว อย่าเป็นอีแอบ เพราะจะทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะทุกวันนี้ พล.อ.เปรมวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมืองอยู่แล้ว ทำตัวเหมือนแม่ยกและยังออกมาเชียร์รัฐบาลนายอภิสิทธิ์อย่างออกหน้าออกตา ส่วนองคมนตรีท่านอื่นๆ นั้นวางตัวเป็นกลาง พวกเราก็ยังให้ความเคารพอยู่นายจตุพรกล่าว

สุเทพเชื่อมือตำรวจรับมือได้

ก่อนหน้านี้เวลา 08.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนเรียก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มาพบที่ตึกบัญชาการ 1 เพื่อบรรยายสรุปสถานการณ์ล่าสุดให้รับทราบ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล

นายสุเทพให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าสถานการณ์ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ไม่รู้สึกห่วงอะไรเลย เพราะตำรวจได้เตรียมการรับสถานการณ์ไว้หมดแล้ว โดยประเมินสถานการณ์จากการข่าว และเคยมีประสบการณ์มาแล้ว

ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า ได้เน้นย้ำกับกำลังพลคือ ให้ปฏิบัติอย่างนุ่มนวล และพยายามดูแลกำลังพลไม่ให้เหนื่อยเกินไป ไม่ให้เครียด โดยได้ปรับแผนจากครั้งที่แล้วจากผลัดละ 24 ชั่วโมง เหลือผลัดละ 12 ชั่วโมง

ผบช.น.สั่งเอาผิดลหุโทษ

เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ ได้เรียกประชุมศูนย์ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ (วอร์รูม) ที่ตึก 44 ทำเนียบรัฐบาลเป็นการด่วน หลังกลุ่มคนเสื้อแดงสามารถปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ และภายหลังหารือกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ท.วรพงษ์เปิดเผยว่า การรักษาความปลอดภัยจะยึดหลักไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้ตำรวจยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมยกเครื่องกีดขวางที่วางกั้นไว้ออกไปได้ อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาการกระทำที่ก่อให้เกิดการเสียทรัพย์ การขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เนื่องจากมีการติดประกาศเจ้าพนักงานไว้แล้ว ซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิดลหุโทษ เมื่อถามว่า ในวันที่ 27 มีนาคม นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการจะสามารถเข้ามาทำงานภายในทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ทุกคนเข้าทำงานได้ตามปกติ ตนจะพยายามอย่างสุดความสามารถ

นายกฯชี้ม็อบชุมนุมเข้มข้น

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่รัฐบาลไม่ประมาทเพราะรู้ว่าความเข้มข้นมันมีมากขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ทะเลาะและใช้ความนุ่มนวล ขณะเดียวกันจะรักษากฎหมายให้ได้

ต่อมาเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยใช้ประตู 7 ด้านบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จากนั้นได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า กระทั่งเวลา 10.00 น. จึงเดินทางไปยังรัฐสภา

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 3 หมื่นคน ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยไม่มีการตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ของผู้ชุมนุม เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอยู่ในความรับผิดชอบของรองนายกรัฐมนตรี

พท.ซัดรัฐบาลสองมาตรฐาน

ที่รัฐสภา นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดกล่าวหารัฐบาลสองมาตรฐาน เนื่องจากมีข่าวว่าสั่งให้ทหาร 6,000 นาย สกัดเสื้อแดงไม่ให้เข้าชุมนุม ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ตั้งแต่เข้ามาบริหาร รัฐบาลนี้ไม่มีเรื่องสองมาตรฐานแน่นอน

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การชุมนุมต้องทำโดยสงบ หากทำผิดต้องให้ตำรวจดำเนินคดี การที่บอกว่านายกฯให้ทหาร 6 พันนาย ออกมานั้นเรื่องนี้ก็ไม่จริง ความจริงนายกฯไม่ได้สั่งการ แต่ทหารออกมาตามคำขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทหารประเมินอยู่ไม่เกิน3วัน

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงภายหลังเป็นประธานประชุมสภากลาโหมว่า หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทหาร 21 กองร้อย ประมาณ 3,000 นาย จะดูแลสถานที่สำคัญทางราชการ จะทำทุกอย่างเพื่อดูแลรักษาสถานที่ราชการเท่านั้น ไม่มีการปะทะหรือใช้ความรุนแรง นอกจากจะมีการเข้ามาในเขตสถานที่ราชการ เพราะคงจะยอมไม่ได้

เมื่อถามว่า เสื้อแดงระบุว่ากองทัพใช้ 2 มาตรฐานในการดูแลผู้ชุมนุมต่างจากสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอโทษครับ ตอนนี้คนละรัฐบาล ทหารทำตามรัฐบาล ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจของทหาร รัฐบาลสั่งอย่างไรทำอย่างนั้น อย่าเปรียบเทียบอย่างนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่ผ่านมาใช้ทหารแค่ไหน รัฐบาลชุดนี้ใช้ทหารแค่ไหน เขามีอำนาจใช้เหมือนกัน ดังนั้น ไม่แปลกอะไรเลย

พ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า ในการประชุม พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำเรื่องการปกป้องสถาบัน ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ช่วยกันป้องกัน และแก้ไขกรณีดังกล่าวในทุกวิถีทาง ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงประเมินว่าคงจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วัน

ทหาร-ตร.พรึ่บผนึกกำลัง3.6พันนาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเจ้าหน้าที่รักษาความสงบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล กองทัพภาคที่ 1 ได้จัดกำลังเข้ารักษาพื้นที่รวม 20 กองร้อย จำนวน 3,000 นาย โดยจัดกำลังจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1รอ.) กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) และหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) สำหรับ พล.1 รอ.ได้ใช้กำลังจากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) มากที่สุด ขณะที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บช.น.อีก 4 กองร้อย จำนวน 600 นาย โดยครึ่งหนึ่งเป็นตำรวจหญิง ทั้งนี้ การจัดกำลังได้แบ่งเป็น 4 โซน คือ เอ บี ซี ดี วางกำลังตามกำแพงเป็นสี่ทิศ เพื่อป้องกันรักษาพื้นที่ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลได้ ถือเป็นการจัดกำลังที่แน่นหนากว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากเกิดความรุนแรงขึ้นจะมีกำลังเสริมจากกองทัพเรือ 6 กองร้อย กองทัพอากาศ 2 กองร้อย ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ยังได้เตรียมกำลังจำนวน 15 กองร้อย เพื่อรักษาพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และป้องกันการยึดสนามบินเหมือนครั้งสมัยกลุ่มพันธมิตร

ััััััััััััั-

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook