แมคโดนัลด์ลุ้นสภาผ่านกฎหมายใหม่ ปลดพันธนาการแจงแคลอรีบนเมนู
ขณะที่องค์กรเพื่อสุขภาพและผู้บริโภค กำลังผลักดันให้รัฐบาลของมลรัฐต่างๆทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ออกกฎหมายบังคับให้สาขาของร้านฟาสต์ฟูดที่เปิดบริการในเขตมลรัฐนั้นๆ ต้องแสดงปริมาณพลังงาน (หน่วยเป็นแคลอรี)ในเมนูอาหาร ร้านอาหารฟาสต์ฟูดก็กำลังผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐฯผลักดันผ่านร่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของตน
ร้านฟาสต์ฟูดทุกแห่งจะต้องใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางและเป็นการสร้างมาตรฐานเดียวกันในทุกมลรัฐ โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้แมคโดนัลด์ เชนร้านฟาสต์ฟูดอันดับหนึ่งของสหรัฐฯจนถึงร้านอาหารทั่วไป เช่น แอปเปิลบี''ส สามารถหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่เข้มงวดของกฎหมายในมลรัฐนิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย และ แคลิฟอร์เนีย ที่บังคับให้ร้านอาหารต้องแสดงปริมาณแคลอรีบนเมนูอาหาร โดยทางร้านสามารถแสดงปริมาณแคลอรีในบริเวณอื่นๆนอกเหนือจากบนเมนูอาหารได้
ร่างกฎหมายฉบับใหม่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของร้านแมคโดนัลด์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นร้านฟาสต์ฟูดที่ให้บริการอาหารที่มีแคลอรีจำนวนมาก ผลการศึกษาฉบับหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการแสดงปริมาณแคลอรีของอาหารเป็นปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หมายความว่าผู้บริโภคอาจจะหันไปนิยมเมนูไก่ย่างมากกว่าบิ๊ก แมค หรือการที่ผู้บริโภคอาจจะลดจำนวนครั้งที่เข้าไปใช้บริการในร้านฟาสต์ฟูดลง หรืออาจจะเป็นไปได้ทั้งสองทาง
นายบอบ โกลดิน ที่ปรึกษาด้านอาหาร แห่งบริษัทวิจัย เทคโนมิค อิงค์ ให้ความเห็นว่าการที่ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลปริมาณแคลอรี ก่อนที่จะสั่งอาหารได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และผู้บริโภคมักจะตกใจเมื่อได้เห็นข้อมูลปริมาณแคลอรีที่ร้านแสดงไว้ ก่อนหน้านี้การแสดงปริมาณแคลอรีในอาหารถูกร้านฟาสต์ฟูดต่อต้านมาโดยตลอด แต่ในที่สุดร้านฟาสต์ฟูดก็ตระหนักดีว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แมคโดนัลด์พยายามหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายแสดงปริมาณแคลอรีบนเมนู ด้วยการนำเสนอปริมาณแคลอรีของอาหารแต่ละเมนูในเว็บไซต์ กระดาษรองอาหารบนถาด และบรรจุภัณฑ์ของอาหาร ด้านบริษัท ยัม!แบรนด์ส อิงค์ เจ้าของเชนร้านเคเอฟซี พิซซ่า ฮัท และ ทาโก้ เบลล์ เปิดเผยว่าบริษัทจะนำเสนอปริมาณแคลอรีบนเมนูอาหารไม่ล่าช้าไปกว่าเดือนมกราคม 2554
ผลการวิจัยของบริษัทเทคโนมิคฯ ที่เปิดเผยในเดือนที่แล้ว แสดงว่าชาวเมืองนิวยอร์ก 82% ของกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน ระบุว่าการแสดงปริมาณแคลอรีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเมนูอาหารของตน และมากกว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการแสดงปริมาณแคลอรีมีผลต่อวิถีการบริโภคของตน
อย่างไรก็ตามสมาคมภัตตาคารแห่งชาติ ได้โต้แย้งว่าการสำรวจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ไม่นานนัก และกลุ่มตัวอย่างมีน้อยเกินไป แต่สมาคมไม่ได้แสดงความเห็นว่าการแสดงปริมาณแคลอรีบนเมนูอาหารหรือที่อื่นจะมีผลกระทบใดบ้าง