3รมต.ส่อขัดรธน.ถือหุ้นเกิน5% ทั้ง วีระชัย-พีระพันธุ์-พฤติชัย

3รมต.ส่อขัดรธน.ถือหุ้นเกิน5% ทั้ง วีระชัย-พีระพันธุ์-พฤติชัย

3รมต.ส่อขัดรธน.ถือหุ้นเกิน5% ทั้ง วีระชัย-พีระพันธุ์-พฤติชัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชี้ 3 รมต.รัฐบาล  อภิสิทธิ์  ส่อเข้าข่ายกระทำ-ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา269 ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 โดยมิได้โอนให้นิติบุคคลเป็นผู้จัดการทรัพย์สินแทน ทั้ง วีระชัย-พีระพันธุ์-พฤติชัย หาม พล.ท.มะ เข้ารพ.หลังวูบระหว่างถกงบฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการยื่นบัญชีของครม.ในรัฐบาล " อภิสิทธิ์ 1" ในครั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า รัฐมนตรีบางคนอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และคู่สมรส ต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือถือหุ้นในบริษัท ห้างหุ้นส่วน เกินร้อยละ 5 และหากประสงค์จะได้รับประโยชน์จากกรณีดังกล่าวต่อไป ให้นายกฯและรัฐมนตรีแจ้งเรื่องให้ประธานป.ป.ช.ทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง และให้นายกฯหรือรัฐมนตรีผู้นั้น โอนหุ้นในห้างหุ้นส่วน บริษัท ให้นิติบุคคลเป็นผู้จัดการทรัพย์สินแทน โดยมีรัฐมนตรีที่เข้าข่ายถือหุ้นเกิน 5 % ได้แก่

นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถือหุ้นในบริษัท เอ็ม ไทย กรุ๊ป จำกัด 7.3 แสนหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 11 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 15.06% และถือหุ้นบริษัท ศิริเมธีกุล จำกัด จำนวน 761,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 4,050,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 5.3 %

ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ถือหุ้นในบริษัท วงศ์พระยา พรอปเปอตีส์ จำกัด 576,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 8 แสนหุ้นๆละ 100 บาท คิดเป็น 97.2% และมีหุ้นบริษัท พีแอนด์เอสแลนด์ แอนด์ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด 24,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 50,000 หุ้นๆละ 100 บาท คิดเป็น 48% ส่วนนางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค คู่สมรส ถือหุ้นบริษัท วสุรัตนา จำกัด 2,500 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 10,000 หุ้นๆละ 100 บาท ถือหุ้นบริษัท สายพุฒา จำกัด 2,300 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 10,000 หุ้นๆละ 100 บาท และถือหุ้นบริษัท ชนินทร์ จำกัด จำนวน 23,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 100,000 หุ้น คิดเป็น 23% ทั้งนี้นายพีระพันธุ์ได้แจ้งมาในรายการบัญชีทรัพย์สินฯว่า จะทำการโอนหุ้นที่เกินร้อยละ 5 ต่อไปภายหลัง

นอกจากนี้ยังมี นพ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ถือหุ้นในบริษัท ไทยอีสเทอร์ดราก้อน จำกัด จำนวน 450,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 4 ล้านหุ้น โดยมีการให้เหตุผลว่า บริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างการชำระบัญชี

นายวรวิทย์ สุขบุญ ผอ.สำนักตรวจสอบทรัพย์สิน 1 สำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ตามกฎหมายแล้ว รัฐมนตรีที่ประสงค์จะถือหุ้นเกินร้อยละ 5 จะต้องทำหนังสือแจ้งให้ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบภายใน 30 วัน หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ว่าประสงค์จะถือครองหุ้นดังกล่าวต่อไป จากนั้นจะต้องโอนหุ้นดังกล่าวให้บริษัท นิติบุคคลที่มีอำนาจจัดการแทนภายใน 90 วัน เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต้องแจ้งให้ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบอีกครั้งภายใน 10 วัน ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ทราบว่า มีรัฐมนตรีคนใดที่ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 หรือไม่ โดยจะเริ่มลงมือตรวจสอบเรื่องนี้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

หาม"พล.ท.มะ"เข้ารพ.หลังวูบระหว่างถกงบฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการพิจารณาพรบ.งบประมาณ ฯ ซึ่งเข้าสู่วันที่ 2 หลังจากวันแรกเลิกประชุมตี 3 กว่า ปรากฏว่า ในช่วงบ่ายวันนี้(12 ก.พ.) พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย อายุ 60 ปี เกิดอาการมึน วิงเวียน ศีรษะ คล้ายจะเป็นลมหน้ามืด เนื่องจากพักผ่อนน้อย ประกอบกับเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดบอลลูนหัวใจมา โดยมีแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลพระมงกุฎ ดูแลอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เมื่อเห็นว่า มีอาการไม่ดี จึงรีบนำตัว พล.ท.มะ ส่งโรงพยาบาลทันที ด้วยรถกู้ชีพของศูนย์นเรนทร ที่มาประจำอยู่ที่รัฐสภา

"ชวรัตน์"เต็งหามหน.พรรคภูมิใจไทย

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวเต็งตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการประชุมใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย เพื่อคัดเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 14 ก.พ.ว่า ขณะนี้ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังไม่ชัดเจนว่า ใครจะได้รับตำแหน่ง ซึ่งตนก็เป็นคนหนึ่งที่ลงรับสมัครหัวหน้าพรรค ส่วนนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาจะลงสมัครด้วยหรือไม่นั้นตนไม่แน่ใจ แต่ถ้าไม่มีคู่แข่งก็จะถือว่า เป็นเรื่องที่ดีมาก

นายชวรัตน์ กล่าวยอมรับว่า มีความกังวลถ้าได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะตำแหน่งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค มีความเสี่ยงอย่างมาก เพราะถ้ามีใครในพรรคทำผิด มีหวังหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคจะถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี เนื่องจากกฎหมายได้ระบุชัดเจน

ด้านแหล่งข่าวจากกลุ่มเพื่อนเนวินคนสนิทนายชัย ชิดชอบ กล่าวว่า นายชัยจะไม่ลงสมัครในตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน

"เฉลิม" ย้ำ ข้อมูลเด็ดกว่าสมัยอภิปรายสปก. 4-01

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งจะนำกรณีบริษัทแห่งหนึ่งโอนเงินจำนวน 250 ล้านบาท ไปยังพรรคการเมืองหนึ่ง มาซักฟอกรัฐบาลว่า เรื่องนี้ไม่ได้ออกมาจากปากตน ยังไม่อยากบอกว่าจะอภิปรายเรื่องใด แต่ข้อมูลที่มีอยู่มั่นใจว่าดีกว่าสมัยที่อภิปรายเรื่องสปก. 4-01 ส่วนตัวได้แจ้งไปยังนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อดำเนินการต่อแล้ว หากทางพรรคเพื่อไทยว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าการอภิปรายจะไม่ทันในสมัยประชุมนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้าสมัยนี้ไม่ได้ก็ต้องรอถึงปีหน้า เพราะสมัยต่อไปเป็นเรื่องของนิติบัญญัติ ยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้ยากที่สุด มีความสลับซับซ้อน เรื่องที่จะพูดเรื่องเดียวก็ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่งแล้ว ส่วนข้อมูลที่จะนำมาอภิปรายนั้นเป็นของเก่าหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ย้อนถามว่า สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ไปนำข้อมูลว่านายบรรหารเกิดที่ประเทศจีน อยากถามว่าอย่างนั้นเก่าหรือไม่

สำหรับการอภิปรายครั้งนี้จะมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมแตกต่างจากเดิมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะแตกต่างหรือไม่ขึ้นอยู่กับประธานวิปฝ่ายค้านว่าต้องการข้อมูลตรงนี้หรือไม่ เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นขึ้นอยู่กับมติของพรรคเพื่อไทย หากพรรคยื่นตนก็พร้อมที่จะแสดงข้อมูลให้ดู ซึ่งจะพาดพิงไปถึงตัวนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่านำเสนอแล้วจะไม่ผิดหวัง

ส่วนจะสามารถล้มรัฐบาลได้หรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จะไปล้มรัฐบาลได้อย่างไร แต่เรามั่นใจในข้อมูล โดยมีทั้งเอกสาร คำพูดยืนยันจากแหล่งข้อมูล นำไปใช้ในการอภิปรายได้ ก็หวังว่าสื่อฟังแล้วจะเก็ท พร้อมทั้งนำไปเสนอต่อ ส่วนรู้สึกน้อยใจหรือไม่หากพรรคเพื่อไทยไม่ยื่นอภิปรายในสมัยประชุมนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่น้อยใจอะไร ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ถ้ามติพรรคยื่นก็ยื่น ที่หาว่าตนประชดนั้นไม่ใช่ แค่บอกว่าถ้าสมัยนี้ไม่ได้ ก็ต้องสมัยหน้า ก็เท่านั้นเอง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook