ม.หอการค้าไทย ใจถึง แจกทุนเรียนนอก ''โทควบเอก''
รศ.ดร.จีรเดช อู่สวัสดิ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (มกค.) เปิดเผยว่า นโยบายของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมด้านการศึกษา นอกเหนือจากการส่งเสริมด้านการศึกษาให้กับนักศึกษาแล้ว การเพิ่มพูนองค์ความรู้ต่อผู้สนใจทั่วไปถือเป็นสิ่งจำเป็นและปฏิบัติต่อเนื่อง ทั้งนี้ล่าสุดมหาวิทยาลัยได้จัดโครงการมอบทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาโทควบเอกและปริญญาเอกแก่บุคคลซึ่งมีความสนใจในการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบัณฑิตคุณภาพจากต่างประเทศ กลับมาพัฒนาเยาวชนของชาติ โดยในปีการศึกษานี้ มหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครทุนทั้งระดับปริญญาโทควบเอก และปริญญาเอก จำนวน 10 ทุน ในคณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นสาขาวิชาที่ประเทศไทยยังขาดบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางด้านต่างๆ เหล่านี้ โดยมหาวิทยาลัยคาดหวังว่าเมื่อผู้รับทุนเหล่านี้สำเร็จการศึกษาแล้วจะนำความรู้กลับมาทำคุณประโยชน์กับประเทศและเผยแพร่ความรู้ให้กับนักศึกษาไทย
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังสนับสนุนความสามารถของอาจารย์และนักศึกษา โดยล่าสุดคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่งทีมหุ่นยนต์กู้ภัยเข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลจากการแข่งขันประกวดหุ่นยนต์กู้ภัยทั้งในระดับประเทศและในระดับโลก เช่น รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยโลก (World Robocup Rescue 2007) ประเทศสหรัฐอเมริกา รางวัล Gold Medal Award Best Young Inventor ปี 2008 ในงานวันนักประดิษฐ์แห่งชาติและวันนักประดิษฐ์สากล ปี 2551 จากองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WITPO)
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมีแนวคิดที่จะพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อต่อยอดให้มีการใช้ประโยชน์ได้จริง โดยมอบหมายให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ คิดค้นหุ่นยนต์เอกซเรย์และทำลายวัตถุระเบิด (The Explosive Ordnance X-ray and Disruption Robot : EOXD Robot) เพื่อมอบให้กับแผนกทำลายระเบิด กองพัสดุสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารอากาศ นำไปใช้ในการเก็บกู้ระเบิด โดยหุ่นยนต์ EOXD ทำหน้าที่ในการทำงานตรวจสอบวัตถุระเบิดในพื้นที่เสี่ยงภัยแทนมนุษย์ด้วยการเอกซเรย์วัตถุต้องสงสัย แล้วส่งภาพต้องสงสัยกลับมาที่ผู้ควบคุมในระยะไกล จากนั้นหากพบว่าเป็นวัตถุระเบิด ผู้ควบคุมสามารถสั่งให้หุ่นยนต์ทำลายวัตถุระเบิดด้วยปืนยิงน้ำแรงดันสูงขนาด 40 มม. ทำลายวัตถุระเบิดไม่ให้เกิดการระเบิดขึ้น โดยจุดเด่นของหุ่นยนต์นี้คือใช้งบประมาณไม่ถึง 1 ล้านบาทเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ต่างประเทศ ที่มูลค่าตัวละหลายสิบล้านบาท และยังช่วยลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย