คดีพลิก หนุ่มขี่รถเชือกปาดคอ ต้นเหตุคือ "ว่าว" ไม่ใช่โจรขึง

คดีพลิก หนุ่มขี่รถเชือกปาดคอ ต้นเหตุคือ "ว่าว" ไม่ใช่โจรขึง

คดีพลิก หนุ่มขี่รถเชือกปาดคอ ต้นเหตุคือ "ว่าว" ไม่ใช่โจรขึง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีหนุ่มขับจยย.ถูกเชือกที่ขึงขวางถนนบาดคอจนรถล้ม ได้รับบาดเจ็บ ที่แท้ไม่ใช่ฝีมือแก๊งโจรที่หวังชิงทรัพย์สิน แต่เป็นเชือกของว่าวที่ลอยมาตกในทุ่งนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์นี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วทางโลกโซเชียล หลังหน่วยกู้ภัยสุรินทร์โพสต์เฟซบุ๊กเตือนระวังภัย มือมืดขึงเชือกหวังชิงรถจักรยานยนต์ ข่าวแพร่กระจายในโลกโซเชียลจนสื่อมวลชนหลายแขนงต้องติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากเป็นเรื่องจริงถือว่าอันตรายกับประชาชนเป็นอย่างมาก

ล่าสุดวันนี้ (6 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สุวิจักขณ์ จันทร์เยี่ยม ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจุดตรวจท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์ ลงพื้นที่เกิดเหตุถนนเลียบคลองส่งน้ำบ้านระเภาว์ หมู่ 12 ถนนทางหลวงชนบท สร.6052 เส้นทางเลียบคลองส่งน้ำชลประทานสุรินทร์ ระหว่างบ้านระเภาว์ -บ้านท่าสว่าง ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ต.ท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์

พบกับลุงไหวดี วชิมาเภท อายุ 60 ปี คนที่ให้ความช่วยเหลือหนุ่มถูกเชือกบาดคอ บอกว่าบ้านอยู่ไม่ไกลจากจุดรถจักรยานยนต์ล้มมากนัก ตนนั่งกินเนื้อย่างกับหลาน ช่วงวันที่ 31 ธันวาคม เวลาประมาณสามทุ่มเศษๆ ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์เบรค รถล้มก็ออกมาดูเห็นผู้ประสบเหตุยืนโทรศัพท์ ก็ถามว่าเป็นอะไรไหม เขาบอกว่าโดนเชือกเอ็น ก็เลยใช้ไฟฉายส่องดู เห็นเชือกเขียว เลยเดินดึงเชือกไนล่อนสีเขียว ไล่มาตามถนน จนกระทั่งพบกับว่าวแอก หรือ ว่าวแม่ลูก สูงประมาณ 70 เชนติเมตร มีคันธนูติดมาด้วย 1 คัน

ตนเองดึงว่าวที่ตกในทุ่งนามาให้คนเจ็บดู เขายังเตะว่าวไปทีหนึ่ง คงไม่พอใจ ที่ว่าวทำให้เขาถูกเชือกบาดคอ และรถล้ม ได้รับบาดเจ็บ สำหรับที่ว่าวตกไปอีกฝากหนึ่งของคลองทำให้เชือกว่าวค้างบนสายไฟฟ้าข้างคลอง ระดับสายเชือกไนล่อน สูงจากพื้นถนน ระดับคอ ของคนรถขับรถจักรยานยนต์พอดี

ส่วนว่าวคงเป็นของชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านระเภาว์มากนัก พอหลังจากเก็บว่าวได้ ผู้ใหญ่ก็นำทั้งว่าวกับเชือกไนสีเขียวไปเก็บไว้ ในวันเกิดเหตุไม่ได้มีกู้ภัย ไม่มีตำรวจ มาในที่เกิดเหตุ มีแต่ญาติของคนประสบเหตุมาพบกันแล้วก็พากันกลับบ้าน ส่วนการแจ้งเตือนว่ามีการขึงเชือก หวังชิงทรัพย์ ตนเห็นว่าหมู่บ้านตนไม่อันตรายขนาดนี้ ทำให้ชาวบ้านพากันตกใจไม่ใช้เส้นทางสายนี้ในการเดินทาง มั่นใจว่าไม่ใช่การขึงเชือกเพื่อดักคนขับรถจักรยานยนต์แน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook