คกก.ขับเคลื่อนเตรียมชงแก้แล้งปีหน้าเข้าครม.

ที่ประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนตามเร่งรัดนโยบายรัฐ หารือถึงการบริหารจัดการน้ำในปี 2559 เตรียมเสนอแนวทางแก้ปัญหาเข้า ครม. สัปดาห์หน้า มั่นใจ เหตุระเบิดนราธิวาส ไม่กระทบเดินหน้าพูดคุยสันติสุข

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนตามและเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐ ว่าที่ประชุมได้มีการหารือถึงการบริหารจัดการน้ำในปี 2559 ซึ่งสถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง และจะต้องมีการบริหารจัดการน้ำและการเกษตร ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแม่กลอง โดยจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 กันยายน นี้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการส่งเสริมการเกษตรกรรมแบบแปลงใหญ่ เพื่อให้เกิดการรวมตัวของเกษตรกร ในการปลูกพืช 11 ชนิด เช่น มันสำปะหลัง ข้าว ผักปลอดสารพิษ ในขนาด 5,000 - 10,000 ไร่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต รวมถึงใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรร่วมกัน และเพื่อช่วยสงเสริมการตลาดได้ง่ายขึ้น โดยกระทรวงเกษตรฯ จะเสนอแผนส่งเสริมในปีงบประมาณหน้า รวมถึงเสนอให้เป็นยุทธศาสตร์ชาติต่อไป

ขณะที่เหตุระเบิดที่จังหวัดนราธิวาสเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า ในพื้นที่นั้นยังคงมีกลุ่มที่นิยมความรุนแรงที่ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยสันติสุข โดยเมื่อเห็นว่ารัฐบาลเดินหน้าเชิงรุกในการเจรจา จึงแสดงศักยภาพของกลุ่ม

ทั้งนี้เห็นว่า ฝ่ายความมั่นคงต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน และคาดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่กระทบกับการพูดคุยสันติสุข เนื่องจากรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งกลุ่มที่นิยมความรุนแรงต้องตอบประชาชนในพื้นที่ให้ได้ว่า ต้องการให้เกิดความสันติสุขหรือไม่ หรือจะเดินหน้าก่อความรุนแรงต่อไป

ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้ ที่จะครบรอบรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องตัดสินว่าเป็นประโยชน์หรือไม่ โดยอยากให้มองในความเป็นจริง ว่ารัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาโดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และที่หลายคนดึงไปโยงกับการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในต่างประเทศนั้น จึงไม่มีประโยชน์ โดยหากมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นจริง ก็ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ. การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ

สำหรับการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี นายสุวพันธุ์ ระบุว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการในการจัดทำรายงานเพื่อส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. พิจารณาแล้ว แต่ยังไม่มีการกำหนดวันที่แถลงต่อสาธารณชนที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องมีการหารือกับสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง