ผบ.ตร.ปัดข่าวจับคดีระเบิด กทม.2 จุดที่มาเลย์

ผบ.ตร.ปัดข่าวจับคดีระเบิด กทม.2 จุดที่มาเลย์

ผบ.ตร.ปัดข่าวจับคดีระเบิด กทม.2 จุดที่มาเลย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(14 ก.ย.)  ผบ.ตร.ปฏิเสธข่าวควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดใกล้สี่แยกราชประสงค์ที่ประเทศมาเลเซียตามที่สื่อประเทศดังกล่าวเสนอข่าว พร้อมเผยแรงจูงใจในการก่อเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์

พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธกระแสข่าว ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดใกล้สี่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ที่ประเทศมาเลเซีย ตามที่มีสื่อต่างชาติกล่าวอ้าง พร้อมย้ำ ไม่มีตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเข้าไปปฏิบัติงานสืบสวนติดตามคดีในต่างประเทศ ที่มีข่าวว่าพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทราบเบาะแสและชื่อของชายเสื้อเหลืองนั้น

ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงาน รวมทั้งไม่ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียแต่ลาไปเรื่องส่วนตัว ยอมรับว่ามีข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุตามแนวชายแดนจริง ซึ่งตำรวจเกาะติดข่าวนี้อย่างใกล้ชิด และสืบสวนติดตามผู้ต้องหาทั้งหมด

การเชิญพยาน 3 คนจากหอพักหญิง หอพักสตรีย่านหอการค้าไทย เมื่อวานนี้(13 ก.ย.) ยังไม่ชัดเจนเรื่องความเกี่ยวข้องทั้งการทำธุรกรรมการเงินและการเรียกแท็กซี่เพื่อนำพาชายเสื้อสีฟ้าหลบหนี ซึ่งตำรวจต้องสอบสวนอย่างรัดกุม เพื่อขยายผลไปสู่การขอออกหมายจับ กรณีระบุว่า นายอิซาน หลบหนีไปบังกลาเทศ และต่อไปประเทศจีน จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อประสานไปยังประเทศปลายทาง ในการติดตามหรือขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

พลตำรวจเอกสมยศ เพิ่มเติมว่า สาเหตุหรือแรงจูงใจในการก่อเหตุระเบิดครั้งนี้เชื่อมโยงมาจากการที่ประเทศไทยมีการเดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ กรณีที่ใกล้จะถึงวันชาติจีน คือวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ตำรวจได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสถานที่เชิงสัญลักษณ์มานานแล้ว ทั้งสถานที่ บุคคล และสถานที่ที่มีชาวต่างชาติรวมตัวกันจำนวนมาก ไม่เฉพาะชาวจีน แต่เฝ้าระวังการรวมตัวเชิงสัญลักษณ์ของทุกชาติ

พลตำรวจเอกสมยศ ยังกล่าวถึงการโยกย้ายตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรียกรับผลประโยชน์การค้ามนุษย์โรฮีนจา และผู้ต้องหาที่เข้ามาก่อเหตุระเบิดใกล้สี่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า ได้ให้พลตำรวจโทศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการให้เสร็จสิ้น ก่อนตนเกษียณอายุราชการ แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนที่จะมีการโยกย้าย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยให้มีการสอบสวนก่อน หากพบมีความผิดจริงให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด.-สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook