จับตา...สงครามข่าวในยุคโซเชียลมีเดีย
(ขอขอบคุณภาพจาก มติชนออนไลน์)
หากใครติดตามการเมืองไทยมาตลอด ช่วงนี้คงจะเห็นกันว่า มีการโหมกระพือข่าวในบางประเด็นเพื่อโถมใส่ คสช.ที่บริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะหลังจากมีการจับกุมนักศึกษา 14 คนจากการทำผิดคำสั่ง คสช.
เรื่องนี้ถูกนำมาเป็นประเด็นขยายสร้างกระแสหนักมาก สื่อบางสื่อให้ความสำคัญมาก ขนาดมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เปิดประเด็นเกี่ยวกับประเด็นของ 14 นักศึกษาในทุกมุม เพื่อจะตอกย้ำว่า รัฐบาลคสช.ไม่ชอบธรรม ในเรื่องดังกล่าว
ถ้าว่ากันไปแล้ว การโจมตี รัฐบาลคสช. ที่ผ่านมาของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับ การเข้ามายึดอำนาจของรัฐบาล คสช. มีครั้งนี้ที่มีประเด็นที่สามารถสร้างแนวร่วมเพิ่มขึ้นมาได้ในแวดวงนักศึกษา และ นักคิดนักเขียนบางส่วน และนักวิชาการ หรืออาจารย์บางส่วน
ถือได้ว่าในประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สร้างแนวร่วมได้คึกคักมากที่สุดของกลุ่มต่อต้าน คสช. แต่จะขยายตัวได้มากขนาดไหน ยังคงต้องรอดูอีกระยะ จะก่อให้แนวร่วมขยายตัวเป็นคลื่นกระแสต่อต้านรัฐบาล เหมือนกับเหตุการณ์ในอดีตหรือไม่ ก็รอดูกันไป
ควบคู่กันไปการใช้สื่อในทุกรูปแบบ เพื่อสร้างกระแส สร้างประเด็น เพื่อทำลายความชอบธรรมของ คสช.ถูกนำมาใช้อย่างเข้มข้นในช่วงจังหวะนี้ และการสร้างกระแสที่ดีที่สุด ทรงพลังที่สุดก็คือ "การปล่อยข่าว"
ยิ่งปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีการขยายตัวมาก ในสังคมไทยและสังคมโลก ทุกคนสามารถเป็นข่าว สร้างข่าวเองได้อย่างง่ายดาย และจะว่าไปการตรวจสอบหรือวิเคราะห์เหตุวิเคราะห์ผลในแต่ละเรื่อง ส่วนใหญ่ยังทำกันน้อย มีข่าวลืออะไรเกิดขึ้นก็พร้อมจะเผยแพร่ กันต่อๆ ไป จึงเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง
การปล่อยข่าวจึงเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ผ่านสื่อโซเชียลอย่างเข้มข้น ข่าวเรื่องการโอนเงินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปสิงคโปร์จำนวนเป็นหมื่นล้าน เพื่อทำลายเครดิตผู้นำ คสช.จึงเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกันล่าสุด มีการปล่อยข่าวโดยโยงประเด็นไปกับข่าวกรีซ ที่กำลังเป็นที่จับตาของประชาคมโลก โดยนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยว่า
"ในช่วงนี้มีกระแสโซเชียลมีเดียออกมามาก ภรรยาเปิดให้ดู และเมื่อวานเพื่อนผมจบปริญญาโทเมืองนอก บอกโซเชียลมีเดียว่าไทยจะเข้าโปรแกรมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ในเร็วๆ นี้ ทำให้คนเทขายหุ้นกันมากช่วงนี้
ผมก็บอกเพื่อนไปว่าไปเชื่อทำไมจบตั้งเมืองนอก และยืนยันว่าไทยยังมีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ถ้าเทียบกับกรีซหนี้สาธารณะกรีซสูงถึง 120% ของจีดีพี แต่ของไทยหนี้สาธารณะอยู่ที่ระดับ 43% ของจีดีพี เท่านั้น ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับกรีซจะไม่ทำให้ไทยเกิดหายนะ"
นับจากนี้ไป เชื่อได้ว่าความเข้มข้นของกระแสข่าวลบ ยังจะถูกกระพือโหมออกมาอีกเป็นระยะ เพราะนี้เป็นเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด ในการทำลายความน่าเชื่อถือ ด้วยเหตุที่การใช้เหตุผลวิเคราะห์แยกแยะเรื่องต่างๆ ค่อนข้างอ่อนแอ
จากนี้ไปต้องจับตาให้ดีว่า สงครามข่าวจะเข้มข้นยิ่งขึ้นอีกมากน้อยเท่าไร และเพียงพอจะขยายไปสู่กระแสในวงกว้างหรือไม่...?
โดย...เปลวไฟน้อย