ชัย กองเมือง แกนนำ กปปส.โคราช หวิดปะทะ หนุ่มใหญ่เดนมาร์ก ด่า"สุเทพ"ทำลาย ปชต.

ชัย กองเมือง แกนนำ กปปส.โคราช หวิดปะทะ หนุ่มใหญ่เดนมาร์ก ด่า"สุเทพ"ทำลาย ปชต.

ชัย กองเมือง แกนนำ กปปส.โคราช หวิดปะทะ หนุ่มใหญ่เดนมาร์ก ด่า"สุเทพ"ทำลาย ปชต.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 ในขณะที่ พ.ต.ท เอกราช อาจมนตรี พนักงานสอบสวนเวรเจ้าของคดี กำลังจะสอบปากคำ นายสมชาย ลิขิตวรสิริ หรือ " ชัย กองเมือง " แกนนำกลุ่ม กปปส.โคราช สายฮาร์ดคอร์ อายุ 56 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 90/4 ซอยกิ่งสวายเรียง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้กล่าวหา นายแยน น็อคแคนเฮ้าท์ เยอเคนเซน อายุ 47 ปี สัญชาติเดนมาร์ก ที่อยู่ บ้านเลขที่ 370/171 หมู่ 21 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่าแสดงพฤติการณ์ไม่เหมาะสมต่อสถาบันเบื้องสูง

โดย นายแยน และหญิงสาวชายไทย อายุประมาณ 30 ปี อ้างเป็นภรรยานายแยนและทำหน้าที่เป็นล่าม ได้มานั่งรอก่อนนายสมชาย ได้ตามเข้ามาภายหลัง โดยมีกลุ่มมวลชน กปปส.โคราช นับสิบคน ได้เดินตามนายสมชายเข้าไปที่โต๊ะพนักงานสอบสวน อ้างมาให้กำลังใจ และมาดูหน้าชาวต่างชาติที่บังอาจหมิ่นเบื้องสูง ปรากฏเหตุคู่กรณีได้ส่งเสียงด่าทอ ด้วยถ้อยคำหยาบคายดังลั่นห้อง และมีหญิงสูงวัยมวลชน กปปส. ใช้มือดันหน้าหญิงสาวที่มากับ นายแยน โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังแยกคู่กรณีที่กำลังจะเข้าชุลมุนออกจากกันได้หวุดหวิด

พ.ต.ท เอกราช เปิดเผยพฤติการณ์ของคดีว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ในระหว่างที่ นายสมชาย ผู้กล่าวหา กำลังเดินเล่นอยู่หน้าเสาธง สภ.เมือง ได้เห็น นายแยน คู่กรณีอุบัติเหตุรถยนต์ชนท้าย มาลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.เมือง เพื่อไปแจ้งบริษัทประกันภัย นายสมชาย เห็น นายแยน สวมเสื้อสีแดง จึงเดินเข้ามามอง ทำให้ทั้งสองมีปากเสียงกัน เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา นายแยน ซึ่งได้ให้การภาคเสธ รับสารภาพไม่ได้แสดงความอาฆาต หรือไม่เคารพสถาบันแต่อย่างใด แต่ด่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ว่า เป็นผู้ที่ทำลายประชาธิปไตย เนื่องจากเสื้อยืดที่ นายสมชาย สวมใส่ในวันเกิดเหตุ มีภาพนายสุเทพ ติดอยู่บนเสื้อ และ ด่าทอ นายสมชาย ด้วย จึงแจ้งข้อกล่าวหาดูหมิ่นซึ่งหน้า

ส่วนข้อกล่าวหาตามที่ นายสมชาย ระบุ นายแยน กระทำผิดมาตรา 112 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีประจักษ์พยาน รวมทั้งไม่มีใครพบเห็น เป็นข้อกล่าวหา จึงออกหมายเรียกคู่กรณีมาสอบสวนเพิ่มเติม เป็นครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เป็นข้อกล่าวอ้างถึงสถาบันเบื้องสูง การดำเนินการต้องเป็นไปตามพยาน หลักฐานที่ปรากฏ และให้ความเป็นธรรมทั้งสอง ซึ่งตนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องตามที่คู่กรณีอ้างถึง พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อนำเสนอต่ออัยการจังหวัดนครราชสีมา ให้ลงความเห็นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook