สธ.ห่วงความเชื่อสตรีมีครรภ์กินยาดองบำรุง

สธ.ห่วงความเชื่อสตรีมีครรภ์กินยาดองบำรุง

สธ.ห่วงความเชื่อสตรีมีครรภ์กินยาดองบำรุง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ห่วง ความเชื่อ สตรีมีครรภ์กินยาดองเพื่อบำรุงร่งกาย อาจมีอันตรายถึงเด็กในครรภ์ได้

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมกรมพัฒนาการแพทย์
แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ว่า จากการทำงานคลุกคลีกับประชาชนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะ ในพื้นที่ชนบท พบว่าสวนใหญ่ยังมีความเชื่อ ศรัทธาการแพทย์แผนไทย และยาสมุนไพรไทย อยู่พอสมควร อาจถูกบ้าง ผิดบ้างตามที่ได้รับสืบทอดความเชื่อสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ เรื่องที่น่าเป็นห่วง คือประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อที่ผิด ๆ ในการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร เช่น บางพื้นที่มีความเชื่อ บอกเล่าสืบต่อกันมาแบบปากต่อปาก ว่า การดื่มยาดองเหล้า ช่วยทำให้สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี มีเลือดฝาด และที่น่าห่วงมากคือเชื่อว่าหากหญิงตั้งครรภ์ดื่มยาดองเหล้าเป็นประจำ จะทำให้คลอดง่าย ไม่เจ็บปวดมาก ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด และมีอันตราย โดยเฉพาะอันตรายต่อทารกในครรภ์       

นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ตามข้อมูลวิชาการทางการแพทย์ ระบุว่า สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรค
เบาหวาน โรคหัวใจ ผู้ที่เป็นไข้ ไม่ควรดื่มยาดองเหล้า เพราะส่วนประกอบหลักของยาดองเหล้า ก็คือเหล้า และ
เหล้าที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นเหล้าขาว ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ แอลกอฮอล์ที่แม่ดื่มเข้าไปจะไปถึงลูกผ่านทางรก ทำให้ทารกเกิดความพิการได้ทั้งทางร่างกายและสมอง โดยเฉพาะ ช่วงที่แม่มีอายุครรภ์ 6-8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงการสร้างอวัยวะของตัวอ่อนเด็กในครรภ์ ทารกที่แม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เมื่อเกิดมาจะมีความพิการทางไต หรือที่กระดูกซี่โครงหรือกระดูกไขสันหลัง รูปร่างแคระแกร็น ตัวเล็กกว่าเด็กปกติ ที่สำคัญคือแอลกอฮอล์ จะทำไปทำลายระบบประสาทส่วนกลางของทารก ทำให้โครงสร้างของสมองผิดปกติ เช่น ไม่มีสมองใหญ่ สมองใหญ่มีร่องผิดปกติ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กด้านสติปัญญา ความจำ และการเคลื่อนไหว เสี่ยงต่อการเกิดโรคทางจิตเวช วิตกกังวล ซึมเศร้า พฤติกรรมอันธพาล อาจมีปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น ซุกซนไม่อยู่นิ่ง สมาธิสั้น เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อตัวเด็กในการใช้ชีวิตในสังคม


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook