นปช.ลั่นเดินหน้าซ้อมปาไข่ เรียกร้องรบ.ปลด กษิต สุเทพ โต้เสื้อแดงอย่าดึงป๋า ไม่เกี่ยวการเมือง

นปช.ลั่นเดินหน้าซ้อมปาไข่ เรียกร้องรบ.ปลด กษิต สุเทพ โต้เสื้อแดงอย่าดึงป๋า ไม่เกี่ยวการเมือง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เทพเทือก ออกโรงโต้คนเสิ้อแดง ป๋าเปรม ไม่เกี่ยวกับการเมือง อย่าดึงมาเกี่ยวข้อง นปช.ลั่นเดินหน้าปาไข่ ร้องรบ.ปลดกษิตให้เอาผิดพธม.พงษ์เทพ ปัดเป็นผู้นำ เสื้อแดง แค่เคยไปร่วมงานด้วยเชื่อ ขวัญชัย ฟังมาผิดๆ ณัฐวุฒิ อ้างคำขอให้เลิกทะเลาะกันสายเกินไปแล้ว ควรพูดตั้งแต่ร่าง รธน.2550 เฉไฉบอกไม่ได้ตอบโต้ ป๋าเปรม เชียงใหม่51เมินขอลุยต่อ อภิสิทธิ์ ไม่ขัดหากทำอย่างสงบ สุเทพยันป๋าเปรมไม่เกี่ยวการเมืองไม่เคยขอคำแนะ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ไม่ว่าเสื้อสีอะไร ถ้าทำตามกฎหมายเราก็เคารพ แต่อย่าไปทำร้ายใคร ส่วนที่คนเสื้อแดงพาดพิงถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พล.อ.เปรมไม่เกี่ยวกับการเมือง ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมาก็ไม่เคยได้ขอคำแนะนำจากพล.อ.เปรมเลย เคยเจออยู่ครั้งเดียวคือวันที่ไปอวยพรปีใหม่ จากนั้นก็ไม่เคยคุยอะไรกันเลย การเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าไปดึงผู้ใหญ่ที่สังคมเคารพมาทำให้ไม่สบายใจ

นปช.ลั่นเดินหน้าปาไข่ ร้องรบ.ปลดกษิต

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า แกนนำนปช.ได้ประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวในงานอาเซียนซัมมิทและกรณีการปาไข่ ที่โรงแรมลิโด้ จากความคิดเห็นเบื้องต้น นปช.ยังคงยืนยันเดินหน้าปาไข่รัฐบาลในทุกที่ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่สร้างความเสื่อมเสียแก่ประเทศชาติ ด้วยการไปร่วมขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อีกทั้งเป็นการเร่งรัดรัฐบาลให้รีบดำเนินคดีแกนนำพันธมิตรฯ โดยเร็วที่สุด

นายสมยศ กล่าวอีกว่า เวลา 13.30 น. ทางกลุ่ม นปช.จะแถลงข่าวถึงท่าทีการเคลื่อนไหวงานอาเซียนซัมมิทอย่างชัดเจน ที่โรงแรมลิโด้

โฆษกแม้วปัดนัดผู้นำเสื้อแดง

นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 มกราคม ถึงกรณีนายขวัญชัย ไพรพณา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร ระบุทีมงานของโฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ติดต่อแกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆมาประชุมที่โรงแรมลิโด้ ย่านสะพานควาย ในวันที่ 12 มกราคมนี้ เพื่อวางแผนเคลื่อนไหวใหญ่ร่วมกันว่า เคยไปร่วมเวทีคนเสื้อแดงบ้างในงานของกลุ่มผู้จัดรายการ ความจริงวันนี้ แต่ไม่เคยติดต่อนายขวัญชัย หรือเคยมีทีมงานไปประสานงานกับคนกลุ่มนี้เลย อีกทั้งไม่เคยนัดใครมาประชุมหรือหารือที่โรงแรมลิโด้ด้วย อยากให้นายขวัญชัยตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้นัดกันแน่ เพราะนายขวัญชัยอาจจะฟังข้อมูลมาผิดก็ได้ ส่วนตัวไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเลย

ที่แท้ความจริงวันนี้ผนึก นปช.

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำผู้จัดรายการ ความจริงวันนี้ กล่าวถึงการนัดหารือกันที่โรงแรมลิโด้ว่า แกนนำผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่งานดังกล่าวเป็นเรื่องของอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย น.พ.เหวง โตจิราการ และนายชินวัตร หาบุญพาด ซึ่งเคยเคลื่อนไหวกันมา ได้จัดขึ้นเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง และกำหนดการเคลื่อนไหวร่วมกันในเร็วๆนี้ เมื่อได้ผลการประชุมแล้วจะมาประสานงานกับแกนนำผู้จัดรายการความจริงวันนี้ เพื่อกำหนดวัน เวลา และวิธีการเคลื่อนไหวใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงพร้อมกันอีกครั้งในเร็วๆนี้ ที่ผ่านมาไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะติดหาเสียงเลือกตั้งซ่อมและจัดเตรียมเอกสารต่างๆที่จะสื่อสารกับสื่อมวลชนต่างประเทศเพื่อให้เรื่องนี้ไปสู่สายตาชาวโลก

ชี้คำขอเลิกทะเลาะกันพูดช้าไป

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้น่าเศร้าใจที่คนบางกลุ่มยังคิดว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น เพราะปัญหาทุกวันนี้คือ คนบางกลุ่มทำลายทุกอย่างในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย ระบบการเมือง ความุติธรรม ไปจนถึงความสง่างามขององค์กรต่างๆ เพื่อฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว แต่เมื่อไม่สามารถฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณให้ตายลงไปได้ ก็ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงหยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งการพูดแบบนี้จะยิ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงมากขึ้น

วันนี้ มีบางคนออกมาพูดว่าอยากให้คนไทยหยุดทะเลาะกันนั้น จริงๆแล้วควรพูดมาตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2550 ที่เสร็จสิ้นการเลือกตั้งหลังมีการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะขณะนั้นทำให้บ้านเมืองขณะนั้นเสียหายมามากมาย ไม่ใช่ปล่อยให้มีการยึดสนามบินและทำงานระบอบประชาธิปไตยไปจนบ้านเมืองไม่แหลืออะไรแล้วค่อยพูด หรือรอให้มีการสลับขั้วทางการเมือง จนผลประโยชน์ไปตกอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วจึงค่อยออกมาพูด เรื่องแบบนี้คนไทยทั่วไปเขามองออกด้วยกันทั้งนั้นว่าความจริงเป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าว

ไม่เฉลยอัดเปรมหรือชลิต

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ มีคนกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบุคคลเหล่านั้นประกาศตัวเป็นแนวร่วมของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจริงอยู่ที่คนไทยนั้นการเคารพนับถือผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการเคารพนับถือผู้ใหญ่นั้นคือ เรื่องของความยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้ขอให้คนไทยเลิกทะเลาะกัน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จะสรุปว่าเป็น พล.อ.เปรมได้อย่างไร เพราะผมอาจจะหมายถึง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่ออกมาพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นต้นเหตุของปัญหาก็ได้

จตุพรให้ทำตัวเป็นกลางก่อน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำผู้จัดรายการ ความจริงวันนี้ กล่าวถึงกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ ระบุให้คนไทยเลิกทะเลาะกันว่า ประเทศไทยเริ่มเกิดความแตกแยกมาตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยาน 2549 หลังจากมีการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 แล้วทุกอย่างควรยุติ แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยึดอำนาจ 19 กันยายน กลับไม่ยอมยุติแต่สร้างความแตกแยกเรื่อยมา วันนี้คนกลุ่มดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องความสงบใดๆอีก การบอกว่าคนอีสานหัวอ่อนนั้นเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกวันนี้คนอีสานรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร และถูกกระทำมาอย่างไร จึงไม่เพียงแต่คนอีสานเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร แต่คนไทยทั้งประเทศก็ไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น

ยิ่งคนร้องขอความสงบสุขนั้นอยู่ในสถานะที่ต้องทำตัวให้เป็นกลาง ก็ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีกับคนอื่นก่อน หากตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ต้องดำรงสถานะเป็นกลางทางการเมืองแต่กลับเลือกข้าง ความสามัคคีจะไม่มีทางเกิดขึ้น นายจตุพรกล่าว

เชียงใหม่51เมินป๋าขอลุยต่อ

น.ส.กัญญาภัค มณีจักร แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ กล่าวว่า พล.อ.เปรมต้องบอกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแบบนี้ด้วย ตอนนี้ออกมาพูดขอถามกลับไปว่าช้าไปหรือเปล่า มาพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะความจริงน่าจะออกมาพูดแบบนี้ตั้งนานแล้ว ควรพูดมาตั้งแต่แรกแล้ว

ดิฉัน น.ส.กัญญาภัค ขอฝากบอก พล.อ.เปรมว่าจะเคลื่อนไหวต่อไป เพราะการออกมาครั้งนี้ต้องการความยุติธรรม ต้องการให้มีการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม มีความเท่าเทียมกันทุกคน เพราะตลอดเวลาที่ออกมาทำกิจกรรม ก็เพราะต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย อยากได้รัฐธรรมนูญที่ดี ที่สวยงาม และเป็นกฎหมายที่ใช้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างเสมอภาค หากทำได้ตามที่เรียกร้องก็จะหยุดการเคลื่อนไหวทันที น.ส.กัญญาภัคกล่าว

อนุพงษ์ให้ลืมขัดแย้ง

ทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงวิธีการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติว่า ทุกคนต้องช่วยกัน เป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละบุคคล ช่วยกันทำให้เกิดความเรียบร้อย ถ้าอยากให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ต้องลืมความขัดแย้ง เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกันพิจารณาในเรื่องน้ สื่อมวลชนต้องช่วยกันเสนอแนวทางไม่ว่าจะเป็นแกนนำของกลุ่มใดก็ตามว่าให้นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและความสงบเรียบร้อย น่าจะดีกว่าให้ตนเสนอแนะ เพราะจะกลายเป็นว่า ไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

จำลองชี้เลียนพธม.ต้องอหิงสา

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เลียนแบบกลุ่มพันธมิตรฯว่า หากยึดพันธมิตรฯเป็นบรรทัดฐานเคลื่อนไหวถือเป็นเรื่องดี แต่อย่าทำเพราะความสะใจ และต้องไม่ทำอะไรรุนแรงหรือใช้อารมณ์ เพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯทุกครั้งมีเหตุผล ยึดหลักอหิงสา ตามระบอบประชาธิปไตย และไม่ทำตามคำสั่งใคร แต่กรณีจะไปชุมนุมกดดันการประชุมผู้นำอาเซียนนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่

นายกฯไม่ขัดระดมพลอย่างสงบ

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่โรงเรียนสวัสดีวิทยา ซอยสุขุมวิท 31 เขตวัฒนา ถึงการนัดหารือกันของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 12 มกราคมว่า คงไม่ได้ไปพูดคุยหรือเจรจาอะไร แต่อยากจะบอกว่า การแสดงความคิดเห็นและสิทธิการชุมนุมเคลื่อนไหวสามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องปกติธรรมดา รัฐบาลจะไม่ดำเนินการใดๆขัดขวาง แต่อะไรที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย หรือใช้ความรุนแรง ผิดกฎหมายก็ต้องไม่มี ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือทำลายทรัพย์สิน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ.เปรมอยากให้คนไทยหยุดทะเลาะกัน โดยเฉพาะภาคอีสาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนเรื่องการสร้างความปรองดองไม่ไปทะเลาะกับใคร ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ประเทศเป็นประชาธิปไตยหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในทางการเมือง จะมีความเห็นที่หลากหลาย บางทีในมุมมองของฝ่ายหนึ่งอาจเห็นว่าเป็นประชาธิปไตย แต่อีกฝ่ายอาจจะมองอีกมุมหนึ่งก็ได้

เตรียมพิจารณาตร.เกียร์ว่าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ยังลังเลว่ารัฐบาลจะอยู่ได้นานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดอย่างนั้น เพราะต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติด้วยว่าการรับมือเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไปรู้เห็นเป็นใจหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่คงไม่ได้ ต้องจัดการ หากคำว่า เกียร์ว่าง หมายถึง เว้นว่าง ก็จะดำเนินการ ได้กำชับไปแล้วคงต้องรอดูอีกไม่กี่วัน ซึ่งหลายเหตุการณ์ที่เกิดชึ้น รัฐบาลมองว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เป็นเรื่องง่ายๆ แต่จะต้องมีความคืบหน้า ถ้าไม่มีความคืบหน้าคงต้องพิจารณาอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะสลายปัญหารัฐตำรวจได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าได้ เพราะรัฐบาลเองไม่ต้องการเอาตำรวจมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และตำรวจจะไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใดก็ไม่ได้ เพราะขณะนี้รัฐบาลมีอำนาจและมีความรับผิดชอบ ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยให้มีการใช้เจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงไปใช้หรือปล่อยให้มีการละเมิดกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook