นปช.ลั่นเดินหน้าซ้อมปาไข่ เรียกร้องรบ.ปลด กษิต สุเทพ โต้เสื้อแดงอย่าดึงป๋า ไม่เกี่ยวการเมือง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ไม่ว่าเสื้อสีอะไร ถ้าทำตามกฎหมายเราก็เคารพ แต่อย่าไปทำร้ายใคร ส่วนที่คนเสื้อแดงพาดพิงถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พล.อ.เปรมไม่เกี่ยวกับการเมือง ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมาก็ไม่เคยได้ขอคำแนะนำจากพล.อ.เปรมเลย เคยเจออยู่ครั้งเดียวคือวันที่ไปอวยพรปีใหม่ จากนั้นก็ไม่เคยคุยอะไรกันเลย การเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าไปดึงผู้ใหญ่ที่สังคมเคารพมาทำให้ไม่สบายใจ
นปช.ลั่นเดินหน้าปาไข่ ร้องรบ.ปลดกษิต
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า แกนนำนปช.ได้ประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวในงานอาเซียนซัมมิทและกรณีการปาไข่ ที่โรงแรมลิโด้ จากความคิดเห็นเบื้องต้น นปช.ยังคงยืนยันเดินหน้าปาไข่รัฐบาลในทุกที่ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่สร้างความเสื่อมเสียแก่ประเทศชาติ ด้วยการไปร่วมขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อีกทั้งเป็นการเร่งรัดรัฐบาลให้รีบดำเนินคดีแกนนำพันธมิตรฯ โดยเร็วที่สุด
นายสมยศ กล่าวอีกว่า เวลา 13.30 น. ทางกลุ่ม นปช.จะแถลงข่าวถึงท่าทีการเคลื่อนไหวงานอาเซียนซัมมิทอย่างชัดเจน ที่โรงแรมลิโด้
โฆษกแม้วปัดนัดผู้นำเสื้อแดง
นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 มกราคม ถึงกรณีนายขวัญชัย ไพรพณา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร ระบุทีมงานของโฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ติดต่อแกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆมาประชุมที่โรงแรมลิโด้ ย่านสะพานควาย ในวันที่ 12 มกราคมนี้ เพื่อวางแผนเคลื่อนไหวใหญ่ร่วมกันว่า เคยไปร่วมเวทีคนเสื้อแดงบ้างในงานของกลุ่มผู้จัดรายการ ความจริงวันนี้ แต่ไม่เคยติดต่อนายขวัญชัย หรือเคยมีทีมงานไปประสานงานกับคนกลุ่มนี้เลย อีกทั้งไม่เคยนัดใครมาประชุมหรือหารือที่โรงแรมลิโด้ด้วย อยากให้นายขวัญชัยตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้นัดกันแน่ เพราะนายขวัญชัยอาจจะฟังข้อมูลมาผิดก็ได้ ส่วนตัวไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเลย
ที่แท้ความจริงวันนี้ผนึก นปช.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำผู้จัดรายการ ความจริงวันนี้ กล่าวถึงการนัดหารือกันที่โรงแรมลิโด้ว่า แกนนำผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่งานดังกล่าวเป็นเรื่องของอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย น.พ.เหวง โตจิราการ และนายชินวัตร หาบุญพาด ซึ่งเคยเคลื่อนไหวกันมา ได้จัดขึ้นเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง และกำหนดการเคลื่อนไหวร่วมกันในเร็วๆนี้ เมื่อได้ผลการประชุมแล้วจะมาประสานงานกับแกนนำผู้จัดรายการความจริงวันนี้ เพื่อกำหนดวัน เวลา และวิธีการเคลื่อนไหวใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงพร้อมกันอีกครั้งในเร็วๆนี้ ที่ผ่านมาไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะติดหาเสียงเลือกตั้งซ่อมและจัดเตรียมเอกสารต่างๆที่จะสื่อสารกับสื่อมวลชนต่างประเทศเพื่อให้เรื่องนี้ไปสู่สายตาชาวโลก
ชี้คำขอเลิกทะเลาะกันพูดช้าไป
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้น่าเศร้าใจที่คนบางกลุ่มยังคิดว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น เพราะปัญหาทุกวันนี้คือ คนบางกลุ่มทำลายทุกอย่างในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย ระบบการเมือง ความุติธรรม ไปจนถึงความสง่างามขององค์กรต่างๆ เพื่อฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว แต่เมื่อไม่สามารถฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณให้ตายลงไปได้ ก็ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงหยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งการพูดแบบนี้จะยิ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงมากขึ้น
วันนี้ มีบางคนออกมาพูดว่าอยากให้คนไทยหยุดทะเลาะกันนั้น จริงๆแล้วควรพูดมาตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2550 ที่เสร็จสิ้นการเลือกตั้งหลังมีการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะขณะนั้นทำให้บ้านเมืองขณะนั้นเสียหายมามากมาย ไม่ใช่ปล่อยให้มีการยึดสนามบินและทำงานระบอบประชาธิปไตยไปจนบ้านเมืองไม่แหลืออะไรแล้วค่อยพูด หรือรอให้มีการสลับขั้วทางการเมือง จนผลประโยชน์ไปตกอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วจึงค่อยออกมาพูด เรื่องแบบนี้คนไทยทั่วไปเขามองออกด้วยกันทั้งนั้นว่าความจริงเป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าว
ไม่เฉลยอัดเปรมหรือชลิต
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ มีคนกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบุคคลเหล่านั้นประกาศตัวเป็นแนวร่วมของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจริงอยู่ที่คนไทยนั้นการเคารพนับถือผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการเคารพนับถือผู้ใหญ่นั้นคือ เรื่องของความยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้ขอให้คนไทยเลิกทะเลาะกัน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จะสรุปว่าเป็น พล.อ.เปรมได้อย่างไร เพราะผมอาจจะหมายถึง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่ออกมาพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นต้นเหตุของปัญหาก็ได้
จตุพรให้ทำตัวเป็นกลางก่อน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำผู้จัดรายการ ความจริงวันนี้ กล่าวถึงกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ ระบุให้คนไทยเลิกทะเลาะกันว่า ประเทศไทยเริ่มเกิดความแตกแยกมาตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยาน 2549 หลังจากมีการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 แล้วทุกอย่างควรยุติ แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยึดอำนาจ 19 กันยายน กลับไม่ยอมยุติแต่สร้างความแตกแยกเรื่อยมา วันนี้คนกลุ่มดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องความสงบใดๆอีก การบอกว่าคนอีสานหัวอ่อนนั้นเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกวันนี้คนอีสานรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร และถูกกระทำมาอย่างไร จึงไม่เพียงแต่คนอีสานเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร แต่คนไทยทั้งประเทศก็ไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น
ยิ่งคนร้องขอความสงบสุขนั้นอยู่ในสถานะที่ต้องทำตัวให้เป็นกลาง ก็ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีกับคนอื่นก่อน หากตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ต้องดำรงสถานะเป็นกลางทางการเมืองแต่กลับเลือกข้าง ความสามัคคีจะไม่มีทางเกิดขึ้น นายจตุพรกล่าว
เชียงใหม่51เมินป๋าขอลุยต่อ
น.ส.กัญญาภัค มณีจักร แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ กล่าวว่า พล.อ.เปรมต้องบอกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแบบนี้ด้วย ตอนนี้ออกมาพูดขอถามกลับไปว่าช้าไปหรือเปล่า มาพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะความจริงน่าจะออกมาพูดแบบนี้ตั้งนานแล้ว ควรพูดมาตั้งแต่แรกแล้ว
ดิฉัน น.ส.กัญญาภัค ขอฝากบอก พล.อ.เปรมว่าจะเคลื่อนไหวต่อไป เพราะการออกมาครั้งนี้ต้องการความยุติธรรม ต้องการให้มีการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม มีความเท่าเทียมกันทุกคน เพราะตลอดเวลาที่ออกมาทำกิจกรรม ก็เพราะต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย อยากได้รัฐธรรมนูญที่ดี ที่สวยงาม และเป็นกฎหมายที่ใช้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างเสมอภาค หากทำได้ตามที่เรียกร้องก็จะหยุดการเคลื่อนไหวทันที น.ส.กัญญาภัคกล่าว
อนุพงษ์ให้ลืมขัดแย้ง
ทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงวิธีการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติว่า ทุกคนต้องช่วยกัน เป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละบุคคล ช่วยกันทำให้เกิดความเรียบร้อย ถ้าอยากให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ต้องลืมความขัดแย้ง เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกันพิจารณาในเรื่องน้ สื่อมวลชนต้องช่วยกันเสนอแนวทางไม่ว่าจะเป็นแกนนำของกลุ่มใดก็ตามว่าให้นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและความสงบเรียบร้อย น่าจะดีกว่าให้ตนเสนอแนะ เพราะจะกลายเป็นว่า ไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
จำลองชี้เลียนพธม.ต้องอหิงสา
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เลียนแบบกลุ่มพันธมิตรฯว่า หากยึดพันธมิตรฯเป็นบรรทัดฐานเคลื่อนไหวถือเป็นเรื่องดี แต่อย่าทำเพราะความสะใจ และต้องไม่ทำอะไรรุนแรงหรือใช้อารมณ์ เพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯทุกครั้งมีเหตุผล ยึดหลักอหิงสา ตามระบอบประชาธิปไตย และไม่ทำตามคำสั่งใคร แต่กรณีจะไปชุมนุมกดดันการประชุมผู้นำอาเซียนนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
นายกฯไม่ขัดระดมพลอย่างสงบ
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่โรงเรียนสวัสดีวิทยา ซอยสุขุมวิท 31 เขตวัฒนา ถึงการนัดหารือกันของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 12 มกราคมว่า คงไม่ได้ไปพูดคุยหรือเจรจาอะไร แต่อยากจะบอกว่า การแสดงความคิดเห็นและสิทธิการชุมนุมเคลื่อนไหวสามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องปกติธรรมดา รัฐบาลจะไม่ดำเนินการใดๆขัดขวาง แต่อะไรที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย หรือใช้ความรุนแรง ผิดกฎหมายก็ต้องไม่มี ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือทำลายทรัพย์สิน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ.เปรมอยากให้คนไทยหยุดทะเลาะกัน โดยเฉพาะภาคอีสาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนเรื่องการสร้างความปรองดองไม่ไปทะเลาะกับใคร ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ประเทศเป็นประชาธิปไตยหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในทางการเมือง จะมีความเห็นที่หลากหลาย บางทีในมุมมองของฝ่ายหนึ่งอาจเห็นว่าเป็นประชาธิปไตย แต่อีกฝ่ายอาจจะมองอีกมุมหนึ่งก็ได้
เตรียมพิจารณาตร.เกียร์ว่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ยังลังเลว่ารัฐบาลจะอยู่ได้นานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดอย่างนั้น เพราะต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติด้วยว่าการรับมือเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไปรู้เห็นเป็นใจหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่คงไม่ได้ ต้องจัดการ หากคำว่า เกียร์ว่าง หมายถึง เว้นว่าง ก็จะดำเนินการ ได้กำชับไปแล้วคงต้องรอดูอีกไม่กี่วัน ซึ่งหลายเหตุการณ์ที่เกิดชึ้น รัฐบาลมองว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เป็นเรื่องง่ายๆ แต่จะต้องมีความคืบหน้า ถ้าไม่มีความคืบหน้าคงต้องพิจารณาอีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะสลายปัญหารัฐตำรวจได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าได้ เพราะรัฐบาลเองไม่ต้องการเอาตำรวจมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และตำรวจจะไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใดก็ไม่ได้ เพราะขณะนี้รัฐบาลมีอำนาจและมีความรับผิดชอบ ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยให้มีการใช้เจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงไปใช้หรือปล่อยให้มีการละเมิดกฎหมาย