พุทธะอิสระยื่นเอก สารเอาผิดพระเณรคำ-พบรถอีก35คัน

พุทธะอิสระยื่นเอก สารเอาผิดพระเณรคำ-พบรถอีก35คัน

พุทธะอิสระยื่นเอก สารเอาผิดพระเณรคำ-พบรถอีก35คัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลวงปู่พุทธะอิสระ พบอธิบดีดีเอสไอ ยื่นเอกสารเอาผิดพระเณรคำ ร่วมพระชั้นผู้ใหญ่ปกปิดอาบัติ และรับสินบน พบครอบครองรถเพิ่มอีก 35 คัน ขณะ กองปราบ เผย พระเณรคำ ไม่มาชี้แจงพรุ่งนี้ เป็นพระเร่ร่อน

พระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อยื่นเอกสารที่ระบุว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่ พระวิรพล ฉัตติโก หรือ พระเณรคำ ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ปกปิดอาบัติ และผิดจรรยาพระ โดยพบว่า มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ใน จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีษะเกษ รวม 4 ท่าน เป็นผู้รับสินบนจากพระเณรคำในโอกาสต่างๆ

ส่วนควาบคืบหน้าทางคดีนั้น จากการการสอบสวนล่าสุด พบว่า พระเณรคำ ครอบครองรถยนต์เพิ่มเติมอีก 35 คัน จากที่เมื่อวานนี้ ที่พบว่าครอบครองรถเบนซ์ 22 คัน และในรถจำนวนนี้ มีชื่อของเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าคณะอำเภอ เป็นผู้ครอบครองรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ ป้ายแดงอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่า รถทั้งหมดนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ใด

ส่วนการตรวจ ดีเอ็นเอ บิดาและมารดาของพระเณรคำนั้น ทั้งสองคนได้ปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ขณะนี้ สามารถตรวจสอบดีเอ็นเอของญาติใกล้ชิดแล้ว 1 คน

 

DSIยังให้โอกาสพ่อแม่'เณรคำ'มอบดีเอ็นเอ

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดความคืบหน้าการดำเนินคดี พระเณรคำ ฉัตติโก ว่า ขณะนี้เน้นการติดตามทรัพย์เป็นหลัก โดยเฉพาะรถหรู 22 คัน ขยายผลไปส่วนอื่น ๆ รวมทั้งที่นำไปบริจาคว่า การเคลื่อนย้ายถ่ายเท ไปอย่างไร ถึงใครบ้าง

ส่วนการนำ ดีเอ็นเอ พ่อแม่พระเณรคำ มาตรวจเปรียบเทียบกับลูกที่เกิดจาก หญิงที่อ้างว่า ถูกข่มขืนนั้น แม้ว่าทั้ง 2 คน จะยังไม่ยินยอมมอบดีเอ็นเอให้นำไปตรวจเทียบ แต่ก็พยายามเปิดโอกาสให้ยินยอมเอง ยังไม่ใช้วิธีการบังคับโดยขอหมายศาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็มี ดีเอ็นเอ ญาติพระเณรคำ ที่จะนำมาเทียบได้แล้วส่วนหนึ่ง  รวมกับหลักฐานและพยาน ที่มีก็เพียงพอที่จะแจ้งข้อหาแล้ว แต่อยากได้หลักฐานที่ชัดเจน และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแสดงความบริสุธิ์ใจตามที่กล่าวอ้างเท่านั้น  ส่วนกรณีการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ยังไม่ถึงขั้นนั้น จะใช้วิธีการยกเลิกหนังสือเดินทางก่อน และรายงานพฤติกรรมให้เจ้าหน้าที่สถานทูต ทราบ

 

นิติวิทยาศาสตร์ แนะ ขอหมายค้น นำแปรง 'เณรคำ' ตรวจ

พ.ท.นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์  เปิดเผยกับ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าการนำ ดีเอ็นเอ พ่อแม่พระเณรคำ มาตรวจเปรียบเทียบกับลูกที่เกิดจาก หญิงที่อ้างว่า ถูกข่มขืน ว่าขณะนี้ยังไม่ได้ ดีเอ็นเอ พ่อแม่พระเณรคำ ทำให้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากกฎหมายระบุว่า ต้องเกิดจากความยินยอม อย่างไรก็ตาม หากยังไม่ได้ ดีเอ็นเอ สามารถขอหมายค้นจากศาล เข้าตรวจกุฏิของพระเณรคำ เพื่อนำแปรงสีฟัน หรือ สบง จีวร มาหาดีเอ็นเอโดยตรง ก็จะง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม มีอีกแนวทางที่เราได้เสนอทาง ดีเอสไอ ไป คือการประสานข้อมูลผู้ร้ายข้ามแดนกับทางประเทศสหรัฐอเมริกา ที่สงสัยว่า พระเณรคำ อาศัยอยู่ โดยทาง เอฟบีไอเอง ก็สามารถตรวจดีเอ็นเอและส่งออนไลน์มาให้ประเทศไทยใช้เทียบได้เลย เพราะแล็บของนิติวิทยศาสตร์ ก็ใช้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ต้องเสียเวลาไปตามจับตัว

 

ปปง.พบผอ.พุทธฯศรีสะเกษขอหลักฐานพระเณรคำ 

ที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายอดิศร กิจบำรุง นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. หารือร่วมกับ นายวิรอด ไชยพรรณา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมไปใช้ประกอบข้อมูลในการสืบสวนของ ปปง. เกี่ยวกับเรื่องฉาว พระวิรพล ฉัตติโก หรือ พระเณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยเป็นการประชุมลับส่วนตัว ซึ่งใช้เวลาประชุมประมาณ 45 นาที นายวิรอด กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้มาสอบถามข้อมูลกับตน เกี่ยวกับเรื่องการสร้างวัดว่าเป็นการสร้างวัดที่มีกระบวนการถูกต้องหรือไม่ และเรื่องการบริหารทรัพย์สินของวัดป่าขันติธรรม ซึ่งหลักความจริงแล้ว วัดป่าขันติธรรม เป็นเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้น และพระวิรพล ก็มีสถานะเป็นพระลูกวัดในสังกัด วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานี และมาอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ในฐานะประธานที่พักสงฆ์ขันติธรรม ทั้งนี้ หากครบกำหนดในวันที่ 12 ก.ค. 2556 พระวิรพล ยังไม่เดินทางกลับมา ก็จะถือว่าหมดสถานภาพการเป็นพระในสังกัด และจะมีการส่งหนังสือให้พระเถระสังกัดวัดต่างๆ ทราบในจุดนี้ เพื่อให้ทราบเรื่องโดยทั่วกัน สำหรับการสอบสวนของสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้รอผลการตรวจดีเอ็นเอจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และรอผลคำพิพากษาของศาล เพื่อใช้ประกอบการสอบสวนอธิกรณ์ของคณะสงฆ์ และจะมีการประชุมอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปกรณีดังกล่าวนี้ต่อไป

 

'ยายลอน' ยันไม่ทราบทรัพย์สินของ'เณรคำ'

ขณะที่ บริเวณกลางทุ่งนาบ้านหนองถ่ม ต.ดู่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของ นางลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินที่เป็นที่ตั้งของวัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผู้อำนวยการส่วนสอบสวนทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มาทำการสอบปากคำ นางลอน ทั้งนี้ เพื่อหาข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พระวิรพล ฉัตติโก หรือ พระเณรคำ โดย นางลอน ยืนยัน ไม่ทราบเรื่องทรัพย์สินของ พระวิรพล ตนทราบเพียงเรื่องที่ดินของตนกับญาติพี่น้อง ที่ใช้เป็นที่ตั้งของวัดป่าขันติธรรมเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ ตนและคณะ กำลังดำเนินการขอสร้างวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเจ้าของที่ดินทุกคน

ด้าน พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ระบุว่า ขณะนี้มูลความผิดของ พระวิรพล เป็นเรื่องฉ้อโกงประชาชน ส่วนความผิดอื่นๆ ต้องรอรวบรวมข้อมูล ประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ทรัพย์สินของ พระวิรพล ที่มีการตรวจยึดมาตรวจสอบนั้น ประกอบด้วย บัญชีเงินฝาก 21 บัญชี โดยในบัญชีมีเงินหมุนเวียนกว่า 205 ล้านบาท

 

ป.เผยพระเณรคำไม่มาชี้แจงพรุ่งนี้เป็นพระเร่ร่อน

พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้า การสืบสวนดำเนินคดีกับ พระเณรคำ ฉัตติโก หรือ พระวิรพล สุขผล ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ว่า ขณะนี้ทาง พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 3 ได้เข้าพบ พระราชธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม เจ้าคณะ จ.อุบลราชธานี เพื่อสอบถามว่า พระเณรคำ สังกัดอยู่วัดไหน ถ้าไม่มีสังกัดจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง ซึ่งในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า หากภายในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ พระเณรคำ ยังไม่เข้าชี้แจงกับทางเจ้าคณะจังหวัด ก็จะทำหนังสือแจ้งไปยังพระอุปัชฌาย์ของพระเณรคำ ที่วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานี หากยังไม่มีต้นสังกัดใหม่ ก็จะถือว่าพระเณรคำเป็นพระเร่ร่อน จากนั้นก็จะพิจารณาสั่งให้ลาสิกขาบทต่อไป โดยขั้นตอนนั้น ให้มีการทำหนังสือรายงานให้ทราบด้วย

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับทอง ที่มีการรับบริจาคไว้เป็นจำนวนมากถึง 8,000 กิโลกรัม นั้น ได้รับรายงานว่า ภายหลังตรวจสอบหลักฐานเอกสารที่ตรวจค้นได้ พบว่า ทองคำดังกล่าว มีการนำไปฝากไว้ที่ร้านทองหลายแห่งใน จ.อุบลราชธานี และพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนจะมีปริมาณเท่าใด ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบต่อไป และขณะนี้ ได้ประสานกับทาง ปปง. ร่วมสอบสวนขยายผลว่า ปริมาณทองคำทั้งหมดเป็นของใคร และมีใครเป็นผู้นำมาฝาก รวมทั้ง มีปริมาณเท่าใดกันแน่

 

 


 

 

 

 

-------------------------------------------------

ดีเอสไอคุยพ่อ-แม่ 'พระเณรคำ'เทียบ DNAลูกอีกรอบ

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=464971


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook