วิปรัฐบาลถกสรุปแก้รธน.4มาตราจ่อชงสภา-มท.1ยันไม่รีบ

วิปรัฐบาลถกสรุปแก้รธน.4มาตราจ่อชงสภา-มท.1ยันไม่รีบ

วิปรัฐบาลถกสรุปแก้รธน.4มาตราจ่อชงสภา-มท.1ยันไม่รีบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยในรายการ เปิดข่าวเด่น เจาะประเด็นดัง ว่า ในวิปรัฐบาล ได้มีการคุยกันมา 2 รอบแล้ว เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วันนี้ จะมีการทบทวนความพร้อมอีกครั้ง เพื่อให้มีการนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สมาชิกลงนามตามข้อบังคับไว้แล้ว ยื่นกับประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการบรรจุในระเบียบวาระ โดยจะยื่นเป็นรายมาตรา ซึ่งเป็นการทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามความประสงค์ของแต่ละพรรค ที่ต้องการทำให้การเมืองเป็นประชาธิปไตย ที่จริงเราต้องการแก้ทั้งฉบับ แต่เมื่อมีข้อขัดข้อง ก็ถอย และพยายามเอาประเด็นที่พอจะแก้ไขได้มาเป็นระยะ ๆ อย่างไรก็ตาม นายไพจิต ได้ปฏิเสธถึงข่าวที่ว่า ส.ส.อีสาน เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี ว่า เป็นเพียงข่าวที่ไม่ทราบแหล่งที่มา ไม่มีการพูดเรื่องนี้ และยังไม่ถึงเวลาที่จะพิจารณากัน 'จารุพงศ์'บอกพรรคเพื่อไทยยังไม่รีบแก้รัฐธรรมนูญ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ส่วนตัวไม่ทราบกรณีที่มี ส.ส. และ ส.ว.บางส่วน ได้ลงชื่อร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา 4 มาตรา เพราะการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ ไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว  จึงไม่ทราบเนื้อหารายละเอียด ว่ามีการแก้ไขมาตราใดบ้าง รวมทั้ง เมื่อวานนี้ ไม่ได้เข้าประชุมพรรคเพื่อไทย จึงไม่ทราบจุดยืนของพรรค ถึงการแก้รัฐธรรมนูญว่าจะแก้ทั้งฉบับ หรือรายมาตราอีกทั้ง เรื่องดังกล่าวยังไม่ใช่เรื่องรีบร้อน เพราะต้องมีการหารือกันหลายครั้ง ตลอดจน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังค้างอยู่ในสภา ดังนั้น ขั้นตอนจึงไม่ชัดเจน ว่าจะถอนหรือจะเดินหน้าต่อไป 'ไพบูลย์'เผยเย็นนี้นัดกลุ่ม40ส.ว.ถกเรื่องรธน.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และแกนนำ 40 ส.ว. เปิดเผยในรายการ เปิดข่าวเด่น เจาะประเด็นดัง ถึงการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ว่า เย็นวันนี้จะมีการพบกันในกลุ่มอีกครั้ง ซึ่งเรามีท่าทีชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะไปทำลายกลไกการถ่วงดุล ประเด็นที่แก้ไขครั้งนี้จะเห็นว่า ต้องการที่จะขยายอำนาจ ต้องการให้ดุลในวุฒิสภาเปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจุบันมีการสมดุลระหว่าง ส.ว.สรรหา กับ ส.ว.เลือกตั้ง ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ถ้าจะแก้ไขต้องเป็นประโยชน์มีความจำเป็นจริงๆ ต้องได้รับการเห็นพ้องจากเสียงส่วนมากเป็นพิเศษ และมีความเหมาะสมที่จะต้องแก้โดยเงื่อนไขของสังคมหรือบริบท อย่างไรก็ตามเห็นว่า เป็นการยื่นที่ต้องการทำลายโครงสร้างที่ปัจจุบันจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ เพราะฝ่ายการเมืองมีพฤติการณ์ทำโครงการที่สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายให้กับประเทศชาติ เช่น โครงการรับจำนำข้าว หรือ การกู้หนี้ยืมสินอย่างมหาศาล โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดกับประเทศชาติ วิปค้านเผยแก้รธน.ต้องเอาความจริงมาพูดนายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะวิปฝ่ายค้าน  เปิดเผยในรายการ  เปิดข่าวเด่น เจาะประเด็นดัง ว่า  เท่าที่วิปฝ่ายค้าน ได้พิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่เห็นด้วย ซึ่งส่วนที่สอดคล้องกันมากคือ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคการเมือง เห็นด้วยว่า ไม่ควรจะมีการยุบพรรคการเมืองต่อไป และไม่ควรตัดสิทธิ์ของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำผิด ส่วนมาตรา 190 ก็กังวลใจว่า ถ้าตัดสิทธิ์ไปแล้วจะทำให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงทุกแง่มุมจะขาดหายไปหรือไม่  ส่วนที่มาของวุฒิสภา เห็นว่า ถ้ามาจากการเลือกตั้งก็ควรจะมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และไม่ควรให้ดำรงตำแหน่งเพียงสมัยเดียว ส่วนมาตรา 68 สิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มีความเห็นคล้อยตามระดับหนึ่งทั้งนี้ ถ้าแก้รายมาตราต้องเอาความจริงมาพูดกันว่า มาตราไหนเป็นจุดอ่อน หรือเป็นอุปสรรค ดีกว่าที่จะเหมาเข่งแก้ทั้งฉบับและเป็นการขับเคลื่อนให้สอดคล้อง เหมือนกับแสวงหาจุดร่วมกัน จุดต่างไว้ก่อน เพื่อไม่ให้สังคมเข้าไปสู่กลียุค หรือความขัดแย้ง ประสารเผยพรบ.กู้2ลล.ผ่านสภาจะยื่นศาลรธน. นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา  เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ผ่านรายการ เปิดข่าวเด่น เจาะประเด็นดัง ถึงกรณีจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ว่า  เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเร่งด่วน น่าจะอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ คำถามก็คือจะต้องเร่งดำเนินการไปไหน เพราะต้องใช้เวลาถึง 7 ปี ซึ่งทุกโครงการระบบขนส่งคมนาคมเป็นเรื่องต้องใช้เวลาค่อย ๆ ทำไปไม่ใช่จะทำเสร็จ ภายใน 3 วัน หรือ 7 วัน  อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 154 ระบุว่า ต้องรอให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านรัฐสภาก่อน ถึงจะยื่นได้ต้องเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ซึ่งต้องรอเวลาอีกระยะหนึ่งถึงจะไปยื่นตีความได้ 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook