นายกตรวจเยี่ยมรพ. ส่งเสริมสุขภาพเกาะเต่า-ปชช.แห่รับ

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างที่รอเรือเทียบท่าอยู่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าว จากกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า นายกรัฐมนตรีมาเหยียบถิ่นของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไปได้ทุกที่ ต้องเอางบประมาณไปพัฒนาพื้นที่ ส่วนการเดินทางนั้น ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา ซึ่งในส่วนของภาคใต้จะมาบ่อยครั้งมากขึ้น เมื่อถามว่าสร้างอ่างเก็บน้ำธารประเวศ จะสำเร็จหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรุ่งนี้จะเฉลยให้ทราบอีกครั้ง จากนั้น ก็เดินขึ้นท่าเรือเกาะสมุย โดยมีประชาชนมารอต้อนรับจำนวนหนึ่ง และเดินทางกลับที่พักทันที นายกตรวจเยี่ยมรพ. ส่งเสริมสุขภาพเกาะเต่า-ปชช.แห่รับชาวบ้าน ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานที่ก่อสร้าง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.เกาะเต่า ตามโครงการที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้เสนอของบประมาณ 50 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากเกาะเต่า มีประชากรตามทะเบียนราษฎร์ ราว 2,000 คน มีนักท่องเที่ยว 400,000 - 500,000 คนต่อปี รายได้เข้าสู่ประเทศหลายพันล้านบาทในแต่ละปี ซึ่งโรงพยาบาลเกาะเต่า จะสามารถรองรับและให้บริการทั้งนักท่องเที่ยวและคนไทยได้ โดยในปีที่ผ่านมา การให้บริการมากกว่า 80% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต้องนำส่งโรงพยาบาลเกาะพะงัน หรือเกาะสมุย ต้องใช้เวลาในการเดินทาง 1 - 3 ชั่วโมง ทำให้การรักษาได้ทันท่วงที นอกจากนั้น ชาวบ้านยังได้ร้องขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องของน้ำประปา และไฟฟ้า ซึ่งยังไม่เพียงพอ จนชาวบ้านบอกด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี คนแรก ที่เดินทางมายังเกาะเต่า สภ.เกาะสมุย พร้อม รปภ. ครม.สัญจร พ.ต.อ.จำโนทย์ แก้วขาว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเกาะสมุย กล่าวถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยในการที่รัฐบาลจะจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 20-21 ต.ค.นี้ ว่า ในส่วนของ สภ.เกาะสมุย รับผิดชอบในส่วนของเส้นทางที่คณะรัฐมนตรี ใช้เดินทางผ่าน รวมไปถึงที่พัก โดยได้มีการวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบที่พัก อย่างเข้มงวด ซึ่งจะใช้กำลังตำรวจในพื้นที่ รวมไปถึงกำลังจาก ตชด. เข้าสนับสนุน ส่วนการข่าวนั้น ได้ส่งตำรวจลงพื้นที่หาข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการข่าวยังไม่พบว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น แต่คาดว่าอาจมีตัวแทนเกษตรกรมายื่นหนังสือเรียกร้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทั้งนี้มั่นใจว่า จะสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่คณะรัฐมนตรีสัญจร ได้อย่างแน่นอน ภาค8จัดตำรวจกว่า2พันนาย รับ ครม.สัญจรใต้ พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร หรือ ครม.สัญจร ไปที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคมนี้ ว่า ได้จัดกำลังดูแลทั้งเส้นทางเดินทาง ที่พักและที่ปฏิบัติภารกิจทุกที่ โดยจัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 5 กองร้อย และกำลังรักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่ รวมอีก 1,500 นาย เชื่อว่าสามารถดูแลทั้งคณะได้อย่างปลอดภัยส่วนเรื่องกลุ่มผู้ชุมนุมจากการข่าว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าจะมีการรวมตัว เนื่องจากการเดินทางมาประชุมครั้งนี้ เพื่อมารับฟังปัญหาและจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ จึงยังไม่พบว่ามีกลุ่มต่อต้าน ส่วนกลุ่มเกษตรกรที่เรียกร้อง เรื่องราคาผลผลิตที่ตกต่ำ ก็อาจมีบางกลุ่มที่จะมายื่นข้อเรียกร้อง ซึ่งก็ยินดีที่จะให้ส่งตัวแทนมายื่นเรื่อง และจะมีตัวแทนมารับ เพื่อนำเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบต่อไป 'อภิสิทธิ์' ยัน ครม.สัญจร สมุย ไร้ม็อบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการยืนยันว่า จะไม่มีกลุ่มมวลชนไปชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร แต่จะมีมวลชนบางกลุ่ม มายื่นหนังสือร้องเรียน เรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ สธ.เสนอนายกฯขอสร้างโรงพยาบาลเกาะเต่า นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี มีนโยบายที่จะพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้ประชาชนเข้าถึงบริการรวดเร็ว ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดยในชนบทห่างไกล พื้นที่พิเศษ เกาะแก่ง รวมทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยที่ ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ชาวต่างชาติประมาณ 20,000 คน แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามา ดังนั้น จ.สุราษฎร์ธานี จึงเสนอให้มีการพัฒนายกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะเต่า เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 10 เตียง รองรับประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว สำหรับงบประมาณในการก่อสร้างโรงพยาบาลเกาะเต่า ประมาณ 50 ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารที่สามารถให้บริการประชาชนครอบคลุมทั้งห้องผ่าตัด ห้องคลอด และให้บริการผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน โรงไฟฟ้า อาคารโรงนึ่งกลาง ซักฟอก และอาคารพักพยาบาล หากได้รับการความเห็นชอบจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2556 - 2557 และสามารถให้บริการในการดูแลผู้ป่วยได้ครอบคลุมเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยไม่จำเป็นต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นนอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้เสนอโครงการอีก 2 โครงการ วงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติในหลักการ คือ 1. โครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการสาธารณสุขทางทะเลและระบบส่งต่อ 2. โครงการลดความแออัดผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี