ศรีราชาชี้รบ.ไม่นำเรื่องอู่ตะเภาเข้าสภาไม่ถูก

ศรีราชาชี้รบ.ไม่นำเรื่องอู่ตะเภาเข้าสภาไม่ถูก

ศรีราชาชี้รบ.ไม่นำเรื่องอู่ตะเภาเข้าสภาไม่ถูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า กรณีที่มีผู้กล่าวหาว่า การทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่พิจารณาถึงประเด็นจริยธรรม เป็นไปอย่าง 2 มาตรฐาน เพราะในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ นายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะที่เป็นผู้ต้องหาในกรณีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่มีการพิจารณาถึงจริยธรรมกับ นายกษิต นายศรีราชา ยืนยันว่า การทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ผ่านมา ไม่เคยคิดพิจารณา 2 มาตรฐาน โดยชี้แจงว่า การพิจารณาด้านจริยธรรม ต้องมีผู้ร้องเรียนเข้ามาก่อนเท่านั้น ผู้ตรวจการฯ จึงจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ ทั้งนี้ กรณีของ นายกษิต ยังไม่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาในสมัยนั้น ดังนั้น ผู้ตรวจการฯ จึงไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ ตลอดจนกล่าวด้วยว่า การวินิจฉัยต้องอยู่บนพื้นฐานหลักเหตุผล และต้องมีหลักเกณฑ์ของข้อกฎหมายมารองรับทุกครั้ง โดยการทำงานต้องยึดหลักความเป็นกลาง และประโยชน์ส่วนรวม  ทั้งนี้ ทุกครั้งที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนั้น จะให้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ ที่จะไม่พาดพิงถึงตัวบุคคล และยึดแนวทางการทำงาน ที่ไม่แบ่งสี แบ่งฝ่าย ไม่เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง รวมถึงทำหน้าที่ตามกรอบของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ พร้อมทั้งรับฟังและเคารพความคิดเห็นของทุกฝ่าย จึงต้องการให้สื่อมวลชนทำความเข้าใจในกรณีดังกล่าว เพราะผลที่เกิดขึ้น อาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรได้ นอกจากนี้ นายศรีราชา ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณา ภายหลังประเทศสหรัฐอเมริกา ขอใช้สถานที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติในระดับภูมิภาค โดยจะไม่นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภา ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะเรื่องดังกล่าว เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในระดับภูมิภาค ที่สหรัฐอเมริกาจะเข้ามาแสวงหาผลผประโยชน์ จึงมองว่ามีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องเข้าร่วมประชุมสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร รัฐบาลก็ควรพึงสังวรไว้ว่า ประวัติศาสตร์จะจารึกท่านว่าเป็นคนขายชาติหรือไม่ เพราะเรามีบทเรียนจากเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ตนมองว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยทำอะไรที่ไม่หวังผลประโยชน์จากผู้อื่น ดังนั้น ประเทศเล็กๆ อย่างเรา จึงต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ ที่จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในครั้งนี้ ขณะที่ ความคืบหน้าการพิจารณากรณี ว.5 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ว่า หลังจากที่ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงิน และเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน พบว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ยังไม่ตรงกัน จึงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณา โดยหลังจากนี้ ทางผู้ตรวจการฯ จะขอข้อมูลเพิ่มเติมจากทางโรงแรมอีกครั้ง แต่หากพบว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องพิจารณาคำชี้แจงของผู้ที่ให้ข้อมูลที่ผ่านมา ว่าข้อมูลของใครน่าเชื่อถือ โดยต้องหาพยานหลักฐานมาประกอบคำพิจารณาสอบสวนต่อไป นอกจากนี้ นายศรีราชา ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงเนื้อหาคำชี้แจงของ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้ส่งหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงกรณีดังกล่าว มายังผู้ตรวจการฯ ก่อนหน้านี้ เนื่องจากอาจจะะส่งผลต่อรูปคดีได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางในการวินิจฉัยถึงกรณีดังกล่าว ทางผู้ตรวจการฯ จะพิจารณาสอบสวนทั้ง 2 แนวทาง คือการที่นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาราชการไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว รวมถึงกรณีที่อาจจะมีการเจรจาถึงผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook