เตือนใช้เงินประกันสังคมต้องรอบคอบ

เตือนใช้เงินประกันสังคมต้องรอบคอบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างด้วยการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมจำนวน 1 หมื่นล้านบาท มาให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ต่อให้แก่ผู้ประกอบการและลูกจ้างว่า คงต้องพิจารณารายละเอียดว่าการนำเงินมาให้ธนาคารปล่อยกู้นั้น ใครจะเป็นผู้รับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เนื่องจากในสถานการณ์ขณะนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แหล่งเงินที่จะนำมาปล่อยกู้ เพราะธนาคารไม่ได้มีปัญหาขาดเม็ดเงินและยังมีสภาพคล่องที่จะปล่อยกู้ได้ แต่อยู่ที่ความเสี่ยงสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยที่ปล่อยให้แก่ผู้ประกอบการมากกว่า

ดร.ประสารกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการไม่ให้มีการเลิกจ้างที่ระดับ 5% และคิดกับผู้ประกันตนที่กู้ไปลงทุนในอัตรา 6% นั้นไม่สูงเกินไป โดยเฉพาะหากเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก น่าจะช่วยบรรเทาภาระผู้ประกอบการได้

// //

อย่างไรก็ตาม การนำเงินจากกองทุนประกันสังคมออกมาใช้ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามว่า ใครจะเป็นผู้ชดเชยรายได้และความเสี่ยง หากเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่นๆ และความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เนื่องจากเม็ดเงินที่อยู่ในกองทุนประกันสังคมเป็นเม็ดเงินจากผู้ประกันตนและนายจ้างสมทบเข้ามา เพื่อรองรับอนาคตของผู้ประกันตน จึงเป็นประเด็นที่ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก

การนำเงินดังกล่าวมาใช้เหมือนยืมเงินอนาคตมาใช้ก่อน จึงต้องระวัง ในส่วนของแบงก์เองต้องมองว่า เรื่องเม็ดเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ต้องดูความเสี่ยงเครดิตใครจะเป็นคนรับและอัตราดอกเบี้ยที่กำหนด ดร.ประสานกล่าวและว่า ลูกค้าของธนาคารที่เคยใช้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนหน้านี้ หากครบกำหนดสัญญาเงินกู้เดิม ธนาคารจะต้องเจรจาให้ยอมรับต้นทุนตามตลาดในขณะนี้ จนกว่าทางการจะสามารถจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาทดแทนเงินกู้เดิมได้

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวถึงมาตรการดังกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ภาครัฐให้ความสนใจ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ การปล่อยกู้มีความหนืดมากขึ้น และแบงก์จะเลือกภาคธุรกิจ จึงน่าจะเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ตลาดได้

ตะลุยข่าว : THE GREEN POLICE กองปราบฯ สู่ศตวรรษที่ 21

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกสามารถระงับยับยั้งปัญหาอาชญากรรมให้ลดลงและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ตรงกันข้ามกับประเทศไทย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีการกล่าวถึงในระดับนานาชาติว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook