สภาพัฒน์ฯเผยGDPปี54ขยายตัวติดลบ9%ต่ำกว่าเป้า

สภาพัฒน์ฯเผยGDPปี54ขยายตัวติดลบ9%ต่ำกว่าเป้า

สภาพัฒน์ฯเผยGDPปี54ขยายตัวติดลบ9%ต่ำกว่าเป้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. แถลงอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ว่า GDP ขยายตัวติดลบร้อยละ 9.0 เป็นผลมาจากปัญหาน้ำท่วมในประเทศ ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวติดลบร้อยละ 21.8 ทำให้ตลอดทั้งปี ในปี 2554 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ต่ำกว่าประมาณการไว้เดิม โดยผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้เม็ดเงินของ GDP ในปี 2554 หายไป 328,154 ล้านบาท ในขณะที่ ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลที่ 11,869 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเพราะภาคการท่องเที่ยว ยังคงมีรายได้เข้าประเทศกว่า 188,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 19 ล้านคน  นอกจากนี้ นายอาคม ได้เปิดเผยถึง คาดการณ์อัตราการขยายตัวของกิจกรรมมวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ในปี 2555 ว่า ทาง สศช. คาดการณ์ว่า GDP ในปีนี้ จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 5.5-6.5 ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุน คือ การขับเคลื่อนจากการลงทุน เพื่อการจัดการบริหารจัดการน้ำทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนเศรษฐกิจของประเทศ ที่คาดการณ์ว่า จะขยายตัวได้รวดเร็วขึ้น ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี และรายได้ภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ว่า จะขยายตัวร้อยละ 3.5-4 โดยมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของภัยธรรมชาติเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัวความเสี่ยงของตลาดทุนและราคาน้ำมันในตลาดโลกรวมทั้งการขาดแคลนแรงงาน ในภาคอุตสาหกรรม  สศช. ชี้ ไทยถูกขึ้นบัญดำ ไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึง การถูกขึ้นบัญชีดำของประเทศไทย ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ว่าด้วยการสกัดการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้ายว่า เชื่อว่า จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศมากนัก เพราะปัจจัยในเรื่องของความเชื่อมั่นมาจากหลายสาเหตุ ทั้งจากข้อมูลทางเศรษฐกิจและไม่ใช่เศรษฐกิจ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับแต่ละหน่วยงานของการจัดเรตติ้ง ว่าจะให้ความสำคัญต่อปัจจัยใดมากกว่ากัน ซึ่งการถูกขึ้นบัญชีดำของประเทศไทยเป็นเรื่องของธรรมาภิบาล ในเรื่องของการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งภาครัฐจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกติกา และสำหรับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุระเบิดนั้น เชื่อว่า การท่องเที่ยวจะยังคงขยายตัวได้ หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีก โดยรัฐบาลจะต้องเร่งชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook