คาดหลังน้ำลดคนใช้เงินซ่อมบ้านกว่า1แสนบ.
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า หลังจากน้ำลดระดับทางศูนย์ฯ ประเมินว่า โครงการบ้านจัดสรรได้รับความเสียหายประมาณ 170,000 หน่วย รวมกับโครงการบ้าน ที่ถูกน้ำท่วมเพียงบางส่วน และบางโครงการได้รับความเสียหายเพียงภายนอกบ้าน จึงประเมินเฉพาะหน่วยที่เสียหายจริงและไม่ได้นับจากหน่วยในผังโครงการทั้งหมดที่อยู่ในเขตน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้ ไม่ได้รวมบ้านนอกโครงการฯ หรือบ้านที่ประชาชนสร้างเอง ซึ่งมีจำนวนอีกหลายแสนหน่วย โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา ซึ่งหากรวมกันทั้งหมดแล้ว ก็จะมีจำนวนสูงถึงประมาณ 1 ล้านหน่วย ใน 7 จังหวัดดังกล่าว คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร และพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ประเมินว่า กระบวนการฟื้นฟูมีทั้งการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคเชื้อรา การซ่อมแซม หรือซื้อหาประตู เป็นต้น ซึ่งสำหรับบ้านจัดสรรที่เป็นบ้านเดี่ยว และถูกน้ำท่วมระดับหัวเข่าขึ้นไป น่าจะมีค่าใช้จ่ายหลักประมาณ 1 แสนบาท ขึ้นไป และสำหรับบ้านประเภททาวน์เฮาส์ อาจมีค่าใช้จ่ายในไม่กี่หมื่นบาท ถึงหลายหมื่นบาท เหล่านี้รวมกันจะทำให้ผู้บริโภคมีภาระค่าใช้จ่ายมาก ทำให้ระดับความสามารถในการซื้อหา หรือผ่อนชำระค่าที่อยู่อาศัยใหม่ลดน้อยลง ตลาดบ้าน จะอยู่ในภาวะซบเซาไปตลอด จนถึงสิ้นไตรมาสแรกปีหน้าเป็นอย่างน้อย
สำหรับผู้บริโภคซึ่งได้วางเงินดาวน์ หรือได้เริ่มต้นผ่อนชำระไปไม่นาน และบ้านที่วางเงินดาวน์ หรือซื้อแล้วได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าสูงกว่าจำนวนเงินดาวน์ หรือเงินที่ผ่อนชำระไปแล้วมาก ย่อมมีโอกาสสูงที่จะทิ้งดาวน์ หรือ ว่าไม่ผ่อนต่อ แต่หากประมาณมูลค่าความเสียหายไม่สูงเท่าเงินดาวน์ หรือเงินกู้ที่ผ่อนชำระไปแล้ว ผู้บริโภคน่าจะเลือก ที่จะซ่อมแซมบ้านและอยู่อาศัยต่อไป
อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้ ไม่ได้รวมบ้านนอกโครงการฯ หรือบ้านที่ประชาชนสร้างเอง ซึ่งมีจำนวนอีกหลายแสนหน่วย โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา ซึ่งหากรวมกันทั้งหมดแล้ว ก็จะมีจำนวนสูงถึงประมาณ 1 ล้านหน่วย ใน 7 จังหวัดดังกล่าว คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร และพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ประเมินว่า กระบวนการฟื้นฟูมีทั้งการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคเชื้อรา การซ่อมแซม หรือซื้อหาประตู เป็นต้น ซึ่งสำหรับบ้านจัดสรรที่เป็นบ้านเดี่ยว และถูกน้ำท่วมระดับหัวเข่าขึ้นไป น่าจะมีค่าใช้จ่ายหลักประมาณ 1 แสนบาท ขึ้นไป และสำหรับบ้านประเภททาวน์เฮาส์ อาจมีค่าใช้จ่ายในไม่กี่หมื่นบาท ถึงหลายหมื่นบาท เหล่านี้รวมกันจะทำให้ผู้บริโภคมีภาระค่าใช้จ่ายมาก ทำให้ระดับความสามารถในการซื้อหา หรือผ่อนชำระค่าที่อยู่อาศัยใหม่ลดน้อยลง ตลาดบ้าน จะอยู่ในภาวะซบเซาไปตลอด จนถึงสิ้นไตรมาสแรกปีหน้าเป็นอย่างน้อย
สำหรับผู้บริโภคซึ่งได้วางเงินดาวน์ หรือได้เริ่มต้นผ่อนชำระไปไม่นาน และบ้านที่วางเงินดาวน์ หรือซื้อแล้วได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าสูงกว่าจำนวนเงินดาวน์ หรือเงินที่ผ่อนชำระไปแล้วมาก ย่อมมีโอกาสสูงที่จะทิ้งดาวน์ หรือ ว่าไม่ผ่อนต่อ แต่หากประมาณมูลค่าความเสียหายไม่สูงเท่าเงินดาวน์ หรือเงินกู้ที่ผ่อนชำระไปแล้ว ผู้บริโภคน่าจะเลือก ที่จะซ่อมแซมบ้านและอยู่อาศัยต่อไป