Monster Music Festival 2023 กับ 5 เรื่องดีต่อใจของเทศกาลดนตรีที่ไม่ได้มีดีแค่ "ความใหญ่"
จากกระแสตอบรับอันล้นหลาม ทำให้ Monster Music Festival 2023 ได้กลับมาอีกครั้งภายใต้การดูแลของ GFest ภายใต้ GMM SHOW โดยคราวนี้ได้มากับศิลปินที่หลากหลายสุดๆ และยังคงคอนเซ็ปต์ปีศาจและความเป็นเทศกาลดนตรีกลางกรุงเทพที่ใหญ่ที่สุดอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
โดยงานนี้นอกจากแฟนๆ จะได้พบกับ 4EVE, ALALA, ANATOMY RABBIT, ASIA7, AYLA’S, BAD BABOON, BLACKBEANS, BOMB AT TRACK, BOWKYLION, DEATH OF HEATHER, DEPT, EARTH PATRAVEE, EMPTY GLASS MEANS NOTHING, FLIRT, FREEHAND, G6PD, GAIKAI, HARD BOY, HED, H I N A N O, HYBS, JOEY PHUWASIT, KALIPSE, KAMIN KINGSAK, LANDOKMAI, LEMONY, LOMOSONIC, LOSERPOP, LOST CHIPS, MAIYARAP, METHANE, MILLI, MIRRR, MOVING AND CUT, MUSKETEERS, NEWERY, NONT TANONT, ONEONE, ONLY MONDAY, PAPER PLANES, PARADOX, PATRICKANANDA, PERSES, PHUM VIPHURIT, PIXXIE, POLYCAT, PORTRAIT, PREM, PURPEECH, PURPLECAT, QLER, RAT’S EYE VIEW, ROCKETMAN, ROGER THAT, SAFEPLANET, SCRUBB, SERIOUS BACON, SHERRY, SLAPKISS, SLOT MACHINE, SOBBOY, SOLITUDE IS BLISS, STAMP, STOONDIO, TAITOSMITH, TATTOO COLOUR, TELEVISION OFF, TEMP., THE 38 YEARS AGO, THE DARKEST ROMANCE, THE OWL TOWN & PHILIP TAN, THE PUBLISH, THE RICHMAN TOY X THE JUKKS, THE TOYS, THE WHITE HAIR CUT, THE WHITEST CROW, THE YERS, THEPICNIK, THREE MAN DOWN, TIGGER, TILLY BIRDS, TRAGEDY OF MURDER, UGOSLABIER, VALENTINA PLOY, VIOLETTE WAUTIER, VITAMIN D FROM THE SUN, WALLROLLERS, WHAL & DOLPH, YENTED, YEW, YOUNGOHM, YOURMOOD, ZOM MARIE, ZWEED N’ ROLL, เขียนไขและวานิช, ไปส่งกู บขส.ดู๊, เรนิษรา และโชว์พิเศษจากค่ายเพลง BOXX MUSIC (BEAN NAPASON X COPTER), GENIE RECORDS (SWEET MULLET, BOY LOMOSONIC, TAE BOMB AT TRACK), KIDDO SHOW (PRAESUN, PAWAE, PORCH, PAIIINNTT), MILK! BKK (FLUFFYPAK, AIMZILLOW, MINEKUK, MUTE.), SMALLROOM SPECIAL SHOW (J PENGUIN VILLA, GENE KASIDIT, IMAGE SUTHITA, SYDNEY), YUPP! (GENIEPAK, JJSON, DEASY) แล้ว ยังมีเรื่องดีต่อใจสุดๆ อีกเพียบ ทำให้ทาง Sanook ได้นำเรื่องราว ดีต่อใจของงานมาให้ทุกคนอ่านกัน
แค่ใกล้และเดินทางง่ายก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
Monster Music Festival เป็นเทศกาลดนตรีที่ตั้งอยู่ในเมืองบริเวณ สนามกีฬาแห่งชาติและสนามเทพหัสดิน ได้ทำให้งานครั้งนี้มีวิธีการเดินทางที่เรียกได้ว่าง่ายสุดๆ เพราะด้วยความที่งานนี้จบเที่ยงคืน ทำให้งานครั้งนี้สามารถเดินทางกลับผ่านรถไฟฟ้า BTS ในแบบที่งานเทศกาลดนตรีนอกเมืองทำไม่ได้ และต่อให้หลายคนไม่กลับรถไฟฟ้า การเดินทางด้วยวิธีอื่นก็ง่าย ซึ่งการเดินทางเป็นจุดที่เราต้องพูดถึง เพราะต้องยอมรับว่าหลายๆ คอนเสิร์ตนั้น ความประทับใจมักหายไปจากความทรงจำเมื่อเจอกับความลำบากตอนเดินทาง
ความหลากหลายที่มากกว่า Monster Music Festival ในปีที่ผ่านมา
จากงาน Monster Music Festival ปีที่ผ่านมาที่เน้นแนวเพลงอินดี้ ป็อป ร็อค และ ฮิปฮอป แต่ปีนี้เรากลับได้พบกับแนวดนตรีอย่าง T-POP เพิ่มเข้ามาด้วย กับศิลปินอย่าง 4EVE, PERSES และ ALALA ที่ทำให้งานครั้งนี้ดึงดูดผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาในงาน
แต่นอกจากศิลปินทีป็อป งานครั้งนี้ยังมีศิลปินอินดี้ที่รอคอยการค้นพบ ท็อปสตาร์เพลงฮิตเพียบๆ รวมถึงรุ่นใหญ่ในวงการอีกเพียบที่จัดสคริปต์เพลงมาอย่างดี พร้อมโชว์ความเก๋าเวทีให้เด็กๆ ดู จนเราคิดว่าหลายๆ คนน่าจะได้วงโปรดกลับบ้านเพิ่มอีกอย่างน้อย 1-2 วงแน่นอน ถ้ามาสนุกในงานแบบเต็มวัน
โปรดักชั่นและการจัดคอนเซ็ปต์งานแบบละเอียด
แม้จะขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ แต่ Monster Music Festival ก็ชัดเจนเรื่องธีมปีศาจของงาน เหมือนที่งานอื่นๆ ของ GMM SHOW อย่าง เฉียงเหนือเฟส, Big Mountain, Rock Mountain ชัดเจนในธีมและแบรนดิ้ง และนั่นทำให้ Monster Music Festival เต็มไปด้วยเวทีที่ครอบด้วยคาแร็คเตอร์มอนสเตอร์ต่างๆ ตามเวทีและแลนด์มาร์ก ยาวมาจน Merchandise งานด้านนอกอีกด้วย
และในส่วนโปรดักชั่นเวทีแม้จะเป็นเทศกาลดนตรี แต่ก็มีการเตรียมจอและซาวด์เสียงที่ดี จนทำให้ภาพรวมของโชว์ออกมาดี และเหมือนงานนี้เป็นคอนเสิร์ตย่อมๆ ของหลายวงที่มัดรวมกันด้วย และสิ่งเราทำประทับใจคือเรื่องซาวด์ ที่แม้หลายเวทีจะอยู่ใกล้กัน แต่เหตุการณ์ซาวด์ตีกันแทบไม่เจอเลย แต่เรื่องซาวด์ของแต่ละวงก็จะมีการเซ็ทอัพต่างกันไป ทำให้เราเจอทั้งวงที่ซาวด์โอเค และบางวงที่เราต้องพูดตรงๆ ว่าไม่ลงตัวแบบที่คิด แต่ส่วนมากก็โอเคถ้ามองตามข้อจำกัดที่มี และอีกเรื่องต้องชมคือการจัดการขยะ เพราะงานนี้มีการเตรียมถังขยะที่แยกประเภทไว้อย่างดี แถมผู้เข้าชมยังมีจิตสำนึกที่ดีจนเราอยากชมด้วย เพราะขณะที่เรากำลังจะกลับช่วงกลางดึกก่อนงานเริ่ม ก็ยังเห็นว่าบริเวณการแสดงและบู๊ทยังคงสะอาด
ศิลปินที่เต็มที่กับแฟนเพลงสุดๆ
แม้ว่าหลายๆ คนจะมีเวลาโชว์แค่ 30-45 นาที แต่หลายๆ ศิลปินในงาน Monster Music Festival ก็เตรียมตัวโชว์กันค่อนข้างดี ทั้งงัดเพลงฮิต เพลงหน้า B และบางคนก็ถือโอกาสทำโชว์พิเศษ อย่างเช่น PERSES ที่มีเมดเล่ย์เพลงยุค 90 และ 2000 ของรุ่นพี่ รวมถึงเพลงพิเศษอย่าง “BOUNCE” ที่ยังไม่ได้ปล่อยมาโชว์ด้วย ขณะที่ 4EVE ก็มากับเซ็ทลิสต์ที่นอกจากเพลงชาติวงอย่าง “หยดน้ำตา” และ “วัดปะหล่ะ?” แล้ว ยังงัดเพลงใหม่ปี 2023 มาโชว์แบบครบๆ และยังแถมด้วยเพลง “มีอีกไหม” ซิงเกิลพิเศษที่ปล่อยไปในโปรเจกต์ The Test of Time Project ที่ทำกับ RS
และนอกจากการแสดงบนเวทีที่เต็มที่แล้ว นอกเวทีเราก็ได้เห็นทุกศิลปินมาพบกับแฟนๆ พร้อมขาย Merchandise แบบกันเองสุดๆ พร้อมถ่ายรูปแจกลายเซ็น ราวกับนี่เป็นทั้งคอนเสิร์ต และแฟนไซน์ขนาดยักษ์ไปพร้อมๆ กันเลย และการจัดการงานครั้งนี้ก็ดีจนทำให้การเดินไปมาในพาร์ท Merchandise
การดูคอนเสิร์ตที่มีวิธีหลากหลาย
การจัดงานใน สนามกีฬาแห่งชาติและสนามเทพหัสดิน ทำให้งานครั้งนี้เหมาะกับคนดูหลากหลายสาย เพราะถ้าเป็นคนดูคอนเสิร์ตแบบไม่ชอบความแออัด ก็สามารถนั่งชมยาวๆ บนอัฒจันทร์ และด้วยความที่หลายๆ ศิลปินในเวทีเดียวกันจะมีแนวใกล้กันไม่โดดมาก ทำให้งานครั้งนี้ใครอยากอยู่เวทีเดียวยาวๆ ก็สามารถทำได้ หรือใครที่ชอบดูแบบที่ Space จากคนดูอื่นๆ แทบทุกเวทีก็สามารถดูจากระยะไกลได้ (แต่ถ้าใครอยากดูใกล้ๆ แต่ไม่กลัวเบียด ก็สามารถดูแบบใกล้สุดๆ ได้ โดยบางเวทีอย่างเวที EST ผู้ชมแทบจะเซลฟี่กับศิลปินแบบใกล้ชิดหลังโชว์ได้เลย)
และถ้าคุณเป็นผู้ชมสายไม่อยู่นิ่ง ก็มีหลายเวทีให้ไป หลายเมนูให้ทาน และหลายกิจกรรมในโซนร้านค้าให้ทุกคนได้ไป และสนุกแบบอุ่นใจ เพราะนอกจากของกินแล้ว ยังมีการเตรียมห้องน้ำ จุดชาร์จแบต แถมตัวงานก็ไร้เครื่องแอลกอฮอล์ ทำให้หลายๆ คนที่เป็นสายสนุก สามารถไปมาอย่างอุ่นใจ
5 สิ่งที่กล่าวมานี้คือสิ่งที่ทำให้เรามองว่างาน Monster Music Festival 2023 เป็นเทศกาลดนตรีที่ดีต่อใจคนดูจริงๆ โดยใครที่อยากเจอความสนุกแบบนี้อีก ทางผู้จัดก็ได้กล่าวแล้วว่า ปีหน้าได้เจอกันอีกแน่นอน
อัลบั้มภาพ 228 ภาพ