“แนทเธอรีน - ดุสิตา” วัยรุ่นที่เอาชนะโรคร้ายด้วยกำลังใจ | Sanook Music

“แนทเธอรีน - ดุสิตา” วัยรุ่นที่เอาชนะโรคร้ายด้วยกำลังใจ

“แนทเธอรีน - ดุสิตา” วัยรุ่นที่เอาชนะโรคร้ายด้วยกำลังใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากพูดถึง “ความเจ็บป่วย” หลายคนก็คงนึกภาพผู้ใหญ่ในวัยชราที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคภัยที่รุมเร้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมี “วัยรุ่น” อีกมากมายที่ทุกข์ทรมานกับความเจ็บป่วยที่ส่งผลกระทบกับทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเขา เช่นเดียวกับ “แนทเธอรีน” ดุสิตา กิติสาระกุลชัย อดีตไอดอลสาวจากวง BNK48 ที่เคยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรง จนไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดมาได้ ความเจ็บป่วยในช่วงวัยรุ่นส่งผลกับชีวิตของแนทเธอรีนอย่างไรบ้าง Sanook พูดคุยกับเธอถึงช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับโรคร้าย จนกระทั่งหายขาดได้ในที่สุด 

อุปสรรคที่เรียกว่า “โรคประจำตัว” 

“หนูมีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรง เป็นมาตั้งแต่ตอนอยู่ชั้น ป.2 จนถึงประมาณช่วง ม.5 - ม.6 อาการของมันคือเวลาภูมิแพ้กำเริบ เราก็จะหนักกว่าคนอื่นหน่อย หายใจไม่ออก มีผื่น มีลมพิษขึ้นทั้งตัว เวลาเป็นก็จะทรมานมาก รู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจตายอยู่ตลอด” แนทเธอรีนเริ่มเล่าแนทเธอรีนอธิบายว่า เด็กที่ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้มักมีแนวโน้มที่จะอาการดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น แต่สำหรับเธอแล้ว ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไร อาการของเธอกลับยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งช่วงมัธยมปลายที่เธอถูกส่งเข้าห้องไอซียู และเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของแนทเธอรีนตัดสินใจให้เธอหยุดเรียนเป็นเวลา 1 ปี 

“คุณหมอบอกแล้วว่าหนูอาจจะไม่รอด หนูก็ปลงพอสมควรว่า ถ้าเราต้องตายในวันนั้นจริง ๆ ก็คงจะไม่เป็นไร พยายามทำใจให้สบายและสงบที่สุด แต่วันนั้นหนูเห็นภาพคุณพ่อคุณแม่นั่งร้องไห้ ร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เตียง แล้วทุกคนก็เหมือนเสียใจมาก ๆ ที่หนูเป็นแบบนี้” 

ตัวปัญหาที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ 

โรคประจำตัวที่รุนแรงส่งผลให้แนทเธอรีนโทษตัวเองอยู่ตลอดว่าตัวเองคือ “ตัวปัญหา” ของคนรอบข้าง เธอเล่าว่า เวลาที่ต้องไปโรงเรียน คุณพ่อต้องขับรถตู้ที่มีถังออกซิเจนติดอยู่หลังรถเข้าไปจอดในโรงเรียน และเมื่อไรที่เธออาการกำเริบ คุณพ่อก็จะอุ้มเธอลงมาจากห้องเรียนเพื่อให้ออกซิเจนบนรถ แนทเธอรีนบอกว่า “หนูใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด” 

“เมื่อก่อนก็มีบ้างแหละที่เราอายเพื่อน กับการที่พ่อต้องมาตัวติดกับเราตลอดเวลา ในสายตาที่คนทั้งห้องมอง แล้วก็อุ้มเราลงไป กระทั่งการทำอะไรไม่ได้ นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ วิชาพละก็เป็นอะไรที่ลำบากมากสำหรับหนู โดนแดดก็ไม่ได้ เล่นแล้วเหงื่อออกมากก็ไม่ได้ ทุกอย่างมันดูเป็นปัญหาไปหมด แล้วทำให้เรากลายเป็นตัวปัญหา” แนทเธอรีนตอบคำถาม เมื่อเราถามว่าเธอเคยรู้สึกอายที่มีโรคประจำตัวบ้างหรือไม่ 

หนูร้องไห้เพราะเรื่องนี้มาเป็นพันครั้ง บางครั้งเรื่องนี้ส่งผลให้หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อด้วยซ้ำ อาจจะยังไม่ได้คิดถึงขนาดคิดสั้นหรืออะไร แต่รู้สึกไม่มีแรงผลักดัน ไม่มีแรงจูงใจที่จะมีชีวิตต่อ เพราะเรารู้สึกว่าเป็นภาระให้ครอบครัว เป็นคนที่ไม่มีประโยชน์อะไรให้กับโลกใบนี้” แนทเธอรีนกล่าว 

ไปต่อไม่ได้ ถ้าใจไม่สู้ 

ความเจ็บป่วยที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้แนทเธอรีนไม่เคยกล้าคิดว่าเธอจะหายจากโรคดังกล่าว ทั้งยังส่งผลต่อความรู้สึกทางใจที่คิดว่าตัวเองเป็น “ภาระ” ของคนรอบข้าง แต่กำลังใจจากพ่อแม่ก็ทำให้แนทเธอรีนมีแรงฮึดสู้กับโรคภูมิแพ้นี้

“คุณพ่อคุณแม่บอกหนูว่า เขาไม่เคยคิดว่าหนูเป็นภาระของเขา ที่ผ่านมาเขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราได้อยู่ต่อ ทำทุกวิถีทางให้เรามีชีวิตต่อ ได้เกิดมาเป็นเด็กที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีชีวิตที่สุขสบาย มีชีวิตที่ดี พอได้ยินแบบนั้น หนูก็รู้สึกว่า ในขณะที่พวกเขาช่วยเรามากขนาดนี้ เขาพยายามจะให้เราหายมากขนาดนี้ เราก็ควรจะเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วย” 

กำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ แต่การให้กำลังใจตัวเองก็สำคัญเหมือนกัน ถ้าใจเราไม่สู้ มันก็ไม่หายหรอก เมื่อคิดได้แบบนั้น หนูก็เลยเริ่มออกกำลังกายอย่างหนัก ทั้ง ๆ ที่แพ้เหงื่อตัวเอง แต่สุดท้ายมันก็ต้องออก เพราะถ้าไม่ออกกำลังกาย มันก็จะไม่หาย ตอนแรกที่ทำ อาการภูมิแพ้กำเริบตลอด แต่เราก็คิดถึงคุณพ่อคุณแม่เข้าไว้ เขาพยายามแค่ไหนเพื่อให้เรารอดชีวิต ดังนั้น เราก็ต้องผลักดันตัวเองไปให้ถึงจุดนั้นเหมือนกัน” แนทเธอรีนเล่า 

คุณค่าที่ทำให้มีชีวิตต่อไป

เมื่อฮึดสู้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายและเอาชนะโรคภูมิแพ้ของตัวเองได้สำเร็จ ชัยชนะเหนือโรคภัยทำให้แนทเธอรีนเรียนรู้ 3 คุณค่าสำคัญในชีวิต นั่นคือคุณค่าของตัวเอง คุณค่าของคน และคุณค่าของเวลา 

“อย่างแรกคือหนูได้รู้คุณค่าของตัวเองมากขึ้น ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว เราทุกคนมีคุณค่ามาก แล้วเราทุกคนก็ควรที่จะรักตัวเอง ควรที่จะดูแลตัวเอง อย่างที่สองคือ คุณค่าของคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ คนในครอบครัว หรือคนที่เรารักคนอื่น ๆ ทุกคนล้วนสำคัญ ดังนั้น จงทำดีกับพวกเขาในทุก ๆ วัน และอย่างที่สามคือคุณค่าของเวลา มันทำให้เราสามารถจัดสรรสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องทำในแต่ละวันได้ดีมากขึ้น” แนทเธอรีนอธิบาย 

คุณค่าเหล่านี้เป็นเหตุผลที่จะทำให้คนเรามีชีวิตอยู่ต่อไป แนทเธอรีนเล่าว่า หลายคนชอบถามเธอว่า เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ในเมื่อโลกไม่สวยงาม ในเมื่อตัวเองไม่ดีเหมือนคนอื่น หรือมีสิ่งที่ด้อยกว่าคนอื่นมากมาย คำตอบของเธอในทุกครั้งก็จะเป็นเรื่อง 3 คุณค่าที่เธอได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตของเธอนั่นเอง 

“ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง มันไม่ใช่จุดจบของชีวิต นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง โดยเฉพาะวัยรุ่น มีอีกตั้งหลายอย่างบนโลกใบนี้ที่รอให้ทุกคนไปค้นหา ไม่ว่าจะเป็นความชอบ ความฝัน หรือความสุขจากการได้ใช้เวลากับคนที่เรารัก เรื่องดี ๆ บนโลกมีอีกมากมาย เป็นกำลังใจให้นะคะ ออกกำลัง สู้ ๆ หนูเชื่อว่าทันทีที่ทุกคนหายแล้ว และได้สัมผัสคุณค่าเหล่านี้เหมือนที่หนูได้สัมผัส ทุกคนจะมีความสุข และจะรู้สึกว่า ดีใจจังที่ตอนนั้นเราได้อดทนมา” แนทเธอรีนให้กำลังใจทิ้งท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook