“Stephanie Poetri” พูดถึงการแต่งเพลง ร่วมงานกับ “แจ็คสัน GOT7” และวงการเพลงอินโดนีเซีย

เป็นปีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด สำหรับ Stephanie Poetri ศิลปินสาวคนสวยชาวอเมริกัน-อินโดนีเซียนจากค่าย 88rising เจ้าของเพลงดัง “I Love You 3000” ที่เริ่มเป็นที่รู้จัก และเป็นที่สนใจของแฟนเพลงทั้งในบ้านเกิดของเธอที่อินโดนีเซีย และฐานแฟนคลับของเธอก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวเพิ่มมากขึ้นทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
Sanook Music มีโอกาสได้สัมภาษณ์ผ่าน e-mail เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นในการเป็นศิลปินของเธอ ช่วงเวลาที่เริ่มแต่งเพลงเองครั้งแรก การร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอย่าง แจ็คสัน หวัง (แจ็คสัน GOT7) และวงการดนตรีที่อินโดนีเซียว่ามีเป็นอย่างไร และน่าสนใจมากแค่ไหน รับรองว่าอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอแล้วจะรับรู้ได้ถึงตัวตนของเธอที่มีทั้งมุมน่ารักสดใสตามวัย 20 ปีของเธอ และได้สัมผัสถึงมุมศิลปินที่ฉายแววชัดเกินอายุของเธอไปมากในเวลาเดียวกันด้วย
__________
คุณเป็นลูกสาวของ Titi DJ ป็อปสตาร์ชื่อดังของอินโดนีเซีย คุณแม่ของคุณเป็นแรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินของคุณหรือเปล่า? คุณแม่มีอิทธิพลกับการเป็นศิลปินของคุณอย่างไรบ้างไหม? แล้วเธอให้คำแนะนำอะไรกับคุณบ้างหรือเปล่า?
Stephanie: ฉันโตขึ้นมาโดยไม่มีความคิดว่าอยากจะเป็นศิลปินเลยค่ะ เพราะฉันเห็นคุณแม่ของฉันทำงานหนักมาก เห็นเธอทำงานหนักขนาดนั้นแล้วฉันไม่คิดว่าจะเป็นอาชีพที่คนอย่างฉันจะทำได้เลย แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าถ้าคุณรักงานของคุณ คุณจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้! คุณแม่ให้คำแนะนำดีๆ กับฉันเสมอค่ะ แต่ฉันก็คิดว่าฉันจะต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองบ้างเพื่อเติบโตกลายเป็นศิลปินที่ดีในอนาคต
คุณเริ่มแต่งเพลงเองครั้งแรกในช่วงมัธยมปลาย ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยว่าในตอนนั้นทำไมถึงคิดอยากจะแต่งเพลงขึ้นมา และหลังจากนั้นอะไรคือแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงของคุณ?
Stephanie: ฉันได้รับของขวัญวันเกิดตอนอายุ 15 ปีเป็นกีตาร์ค่ะ ฉันเลยเริ่มเรียนคอร์ดเบสิคจากในอินเตอร์เน็ต และเมื่อไรก็ตามที่ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมากๆ ฉันก็จะลองเขียนออกมาผ่านตัวหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นกลอน หรือบทความเล่าเรื่องราวต่างๆ หลังจากที่ฉันเริ่มเล่นกีตาร์ได้บ้างแล้ว ฉันก็เลยเริ่มถ่ายทอดความรู้สึกของฉันออกมาเป็นเพลง หลังจากนั้นการแต่งเพลงก็กลายเป็นสิ่งที่ช่วยปลดปล่อยด้านครีเอทีฟในตัวฉันออกมาค่ะ
คุณมีศิลปินในดวงใจ หรือเป็น role model ในการเป็นศิลปินให้กับคุณบ้างไหม?
Stephanie: มีหลายคนมากเลยค่ะที่ทำให้ฉันอยากเป็นนักดนตรี และก็มีอยู่คนหนึ่งที่ฉันชื่นชมทั้งในฐานะนักดนตรี และในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาคนนั้นคือ Ed Sheeran ค่ะ เขามีอิทธิพลต่อฉันมากที่สุด ฉันยังจำช่วงเวลาที่ดาวน์โหลดเพลงในอัลบั้ม EP ของเขามาฟังในช่วงที่ฉันเรียนมัธยมได้อยู่เลย และเขาก็เป็นแรงบันดาลให้กับฉันในการแต่งเพลงเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่ฉันรู้สึกออกมาด้วยค่ะ
Instagram @stephaniepoetriStephanie Poetri
เพลง “I Love You 3000” เป็นเพลงที่มีเนื้อเพลง และดนตรีที่นุ่มนวล หวานละมุน และติดหูมากๆ รู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อเพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว? และช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยว่าทำงานกับ แจ็คสัน หวัง (แจ็คสัน GOT7) เป็นอย่างไรบ้าง?
Stephanie: ตอนที่เพลงนี้เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่ได้โฟกัสที่ยอดวิว หรือยอดฟังเท่าไรค่ะ แต่ฉันดีใจที่เห็นใครหลายๆ คนที่ฉันชอบโพสต์ถึงเพลงนี้ และคัฟเวอร์เพลงนี้ด้วย
ฉันเป็นแฟนตัวยงของศิลปิน K-POP และการได้เห็นศิลปินที่ฉันเป็นแฟนคลับ และมีอัลบั้มของเขาอยู่มาร้องเพลงของฉัน เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ และยากที่จะลืมได้เลยค่ะ
ตอนที่ทราบว่าเพลง “I Love You 3000 II” จะได้ทำกับ แจ็คสัน หวัง ฉันตื่นเต้นมากๆ และก็กังวลเล็กน้อย เพราะว่าเขาเป็นศิลปินที่ฉันชื่นชอบ ดังนั้นในวันที่เราได้ร่วมงานกันเป็นวันหนึ่งที่ฉันตื่นเต้นมากที่สุดในชีวิตเลยค่ะ
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับเพลง “I Love You 3000” แล้ว คุณก็ปล่อยเพลงใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ทั้ง "Do You Love Me", "Touch" และ "Straight to You" โดยได้ร่วมงานกับนักแต่งเพลงท่านอื่นๆ มากมาย การร่วมแต่งเพลงกับนักแต่งเพลงคนอื่นๆ กับการแต่งเพลงเองคนเดียวมันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? และคุณชอบแบบไหนมากกว่ากัน?
Stephanie: เมื่อไรก็ตามที่ฉันได้อยู่ในห้องเดียวกันกับนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังได้รับการบำบัดจิตใจอยู่เลยค่ะ ฉันได้บอกอย่างตรงไปตรงมาว่าฉันรู้สึกยังไง อยากจะบอกอะไร และพวกเขาก็จัดการเอาความคิดของฉันเหล่านี้มาหล่อรวมเป็นเพลง ซึ่งแน่นอนว่าการมีคนช่วยเป็นเรื่องที่ดีมาก โดยเฉพาะเมื่อไรก็ตามที่ฉันมีปัญหาคิดเนื้อเพลงไม่ออก แต่ก็มีบางช่วงบางความรู้สึกที่ฉันคิดว่ามันส่วนตัวมากๆ ที่ฉันอยากจะเขียนเองคนเดียวเหมือนกัน เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกว่าจะยังไม่มีใครได้ยินเพลงนี้นอกจากฉันคนเดียว เลยทำให้เพลงของฉันเรียลมากๆ แต่ถ้าถามว่าชอบแต่งคนเดียวหรือแต่งกับคนอื่นมากกว่า น่าจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกของฉันในตอนนั้นๆ ด้วยค่ะ
การเป็นศิลปินอเมริกัน-อินโดนีเซียน คุณคิดว่าเชื้อชาติของคุณสะท้อนออกมาให้เห็นในผลงานของคุณหรือไม่? อย่างไร? และนั่นทำให้เพลงของคุณโดดเด่น หรือแตกต่างไปจากผลงานของคนอื่นหรือเปล่า?
Stephanie: ฉันใช้ชีวิตกับวัฒนธรรมต่างๆ จากเชื้อชาติของฉันอยู่ตลอดค่ะ เพราะการที่ฉันเกิดและเติบโตที่อินโดนีเซียเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของฉันมาก และยังช่วยให้ฉันแต่งเพลงได้มากกว่า 1 ภาษาด้วย เพราะยังมีวลี หรือสำนวนต่างๆ ที่ฉันได้ไอเดียมาจากภาษาอินโดนีเซีย ซึ่งมันไม่มีในภาษาอังกฤษ
Instagram @stephaniepoetriStephanie Poetri
วงการดนตรีอินโดนีเซียเป็นอย่างไรบ้าง? ชาวอินโดนีเซียชอบฟังเพลงแบบไหนบ้างในช่วงนี้?
Stephanie: วงการดนตรีของอินโดนีเซียในตอนนี้น่าสนใจมากค่ะ เพราะส่วนหนึ่งก็เติบโตอย่างดีในตลาดดนตรีป็อปสมัยใหม่ แต่อีกส่วนหนึ่งดนตรีอินโดนีเซียดั้งเดิมก็ยังเป็นสิ่งไม่เคยจางหายไปไหน ฉันเลยชอบที่ได้เห็นการผสมผสานกันระหว่างภาษา ทั้งอินโดนีเซีย และอังกฤษ หรือบางทีก็เป็นภาษาอังกฤษกับภาษาชวาค่ะ
มีแผนว่าจะปล่อยเพลงใหม่ อัลบั้มใหม่ หรือทัวร์คอนเสิร์ตบ้างไหม? จะมาเมืองไทยหรือเปล่า?
Stephanie: ฉันกำลังแต่งเพลงใหม่ๆ อยู่ค่ะ เพื่อแสดงให้แฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนฉันมาตลอดได้เห็นในตัวตนที่ฉันเป็นมากขึ้น และเมื่อไรที่ฉันมีเพลงมากขึ้นก็คงจะเพิ่มโอกาสให้ฉันได้เดินทางไปเจอกับทุกๆ คนมากขึ้น รวมถึงทุกคนที่อยู่ที่เมืองไทยด้วย! ไม่ไกลจากประเทศบ้านเกิดของฉันเลย!
เคยมาเมืองไทยไหม? หากพูดถึงประเทศไทยแล้วคิดถึงอะไรบ้าง? ฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อย
Stephanie: ฉันยังไม่เคยไปเมืองไทยเลยค่ะ แต่พี่สาวของฉันเคยไปแล้วเคยเล่าให้ฉันฟังว่าประเทศไทยสวยมาก! ฉันอยากไปดูสถาปัตยกรรมต่างๆ แล้วก็อยากไปชมวิวสวยๆ ที่ทะเล หวังว่าฉันจะได้ไปเจอกับทุกๆ คนที่นั่น ฉันชอบอ่านคอมเมนต์จากแฟนๆ ชาวไทยมากเลยค่ะ หวังว่าฉันจะได้ไปแสดงสด และได้ขอบคุณทุกคนด้วยตัวเองที่ประเทศไทยสักครั้งนะคะ!
Instagram @stephaniepoetriStephanie Poetri