Lauv มอบเซอร์ไพรส์ไม่รู้จบให้แฟนๆ ชาวไทย ในคอนเสิร์ตที่เราอยากให้เป็นแบบนี้ทุกงาน

การที่หน้าที่การงานของเราทำให้เราได้มีโอกาสชมคอนเสิร์ตมากมายจากศิลปินทั้งชื่อดังระดับโลกแบบที่เอ่ยชื่อก็ร้องอ๋อ ไปจนถึงศิลปินอินดี้ที่แม้แต่เพลงก็ยังไม่เคยได้ยินตามหน้าปัดวิทยุ ทำให้ทุกครั้งที่ไปชมคอนเสิร์ตเราค่อนข้างจะมีมาตรฐานอยู่ในใจเสมอ ‘หากทำได้ขนาดนี้ ถือว่าเก่งมากแล้ว’ อะไรทำนองนี้

Lauv (ลาวฟ์) เป็นหนึ่งในศิลปินที่เรามีโอกาสได้ชมคอนเสิร์ตของเขาถึง 2 ครั้งในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี หลังจากเขาได้เป็นศิลปินเปิดเวทีให้กับ Ed Sheeran ใน Divide Tour เมื่อปี 2560 ในกรุงเทพ แน่นอนว่าในตอนนั้นชื่อของ Lauv ทำให้แฟนเพลงอินดี้หูผึ่ง และเราเชื่อว่ามีหลายคนตื่นเต้น และซื้อตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตของ Ed Sheeran มากขึ้นเมื่อเห็นชื่อของ Lauv แต่ในทางกลับกัน เพื่อนของเราหลายคนก็ยังถามกลับมาว่า “Lauv ชื่อคุ้นๆ เขาร้องเพลงอะไรนะ?” อยู่เหมือนกัน

>> (รีวิว) Ed Sheeran หนุ่มอารมณ์ดีกับกีต้าร์ตัวเดียว เอาคนดูอยู่ทั้งฮอลล์

ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2562 ผู้จัด VIJI Corp ดึง Lauv กลับสู่ประเทศไทยอีกครั้งกับคอนเสิร์ต Lauv Asia Tour 2019 จัดที่ Moonstar Studio 8 โดยครั้งนี้มาในแบบคอนเสิร์ตเดี่ยวที่บัตร sold out อย่างรวดเร็ว เท่านี้ก็เกินพอแล้วที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความนิยมของหนุ่ม Lauv ในประเทศไทย เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วเพลงของ Lauv ถูกอกถูกใจแฟนเพลงชาวไทยไม่ยาก ด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ป็อปที่ฟังง่ายกว่าที่คิด เนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ที่ไปในทางสีเทาๆ มากกว่าจะเป็นความรักที่ชมพูสดใสหรือดำสนิท มีเพลงดิ่งๆ สลับกับเพลงเนื้อหาดีๆ ที่หลายคนน่าจะเคยฟังอย่าง “I Like Me Better” และยังหน้าตาหล่อเหลาที่ส่งให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงวัยรุ่นได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่ที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือความสามารถในการแต่งเพลงที่เกินตัว และความน่ารักเป็นกันเองที่สัมผัสได้ตั้งแต่ก่อนเข้างาน จากการเห็นหนุ่ม Lauv ออกมาแจกน้ำเปล่าให้แฟนเพลงก่อนเริ่มคอนเสิร์ตด้วยตัวเอง

ก่อนเริ่มการแสดงในคืนนี้ หนุ่ม Lauv มีศิลปินเปิดเป็นของตัวเองแล้ว นั่นคือสาวเท่ bülow สัญชาติเยอรมันที่พักอาศัยอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ที่ขนเพลงจากทั้ง 3 อีพีอัลบั้มของเธอมาให้แฟนเพลงชาวไทยได้ฟังกันสดๆ ไม่ว่าจะเป็น “Wake Up”, “Sad and Bored”, “Get Stupid”, “Honor Roll”, “Two Punks In Love”, “Sweet Little Lies”, “Fine”, “You & Jennifer” และ “Not a Love Song” ด้วยความน่ารักแบบเป็นธรรมชาติ และการคุมเวทีที่ถือว่าอยู่หมัดสำหรับศิลปินหน้าใหม่ เชื่อว่าคืนนี้เธอคงได้แฟนเพลงชาวไทยกลับบ้านเพิ่มแน่นอน

 

21:00 น. ตรงเวลาเป๊ะ Lauv ขึ้นเวทีที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แปลกตาอย่างที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไร ด้วยการสร้างฉากเป็นห้องขึ้นมาสองห้องใหญ่ๆ ทางด้านหลังของเวทีโดยหันด้านหน้าออกมาทางคนดู มีมือกลอง และมือกีตาร์ และคีย์บอร์ดอยู่แยกกันคนละห้อง โดยที่ทั้งสองคนไม่สามารถมองเห็นกันได้ และมีหนุ่ม Lauv เดินมาร้องเพลงอยู่ด้านหน้า แสงไฟในห้องด้านหลัง รวมถึงขอบของฉากห้อง และไฟสปอตไลท์ด้านข้าง ส่องสว่างเป็นจังหวะ และเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ให้เข้ากับอารมณ์ของเพลง เปิดตัวด้วยซิงเกิลสุดเท่ “Drugs & Internet” ที่ปลุกอารมณ์คนดูได้อยู่หมัด ถ้าคิดจะมาเศร้าๆ เหงาๆ ในคอนเสิร์ตของ Lauv อาจจะต้องคิดใหม่กันเลยทีเดียว

Lauv ไม่ปล่อยให้ทุกคนอารมณ์ค้าง ต่อกันด้วยเพลงสุดแสนจะโรแมนติกอย่าง “Paris in the Rain” ที่ Lauv เปลี่ยนเนื้อร้อง ‘Paris’ ให้เป็น ‘Bangkok’ ทั้งเพลง วินาทีนี้แฟนๆ ไม่กรี๊ดก็คงจะไม่ได้ จากนั้นเขาเริ่มลดระดับจังหวะของเพลงมาที่เพลงซินธ์ป็อปที่มีความมืดมนแต่เต็มไปด้วยพลัง และจังหวะที่ให้ทุกคนร้องตามกันได้อย่าง “Paranoid” ทำให้เราค้นพบเสน่ห์ของเพลง Lauv ได้อีกอย่างคือ เพลงของเขาเครื่องดนตรีไม่สลับซับซ้อนมาก แต่ก็สามารถทำเพลงที่ฟังเพราะ กลมกล่อม มีพลัง และมีเอกลักษณ์แบบที่ได้ยินปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นเพลงของ Lauv

แม้ว่า Lauv จะเปิดตัวด้วยการร้องเพลงติดๆ กันหลายเพลง แต่เมื่อถึงจังหวะที่เขาทักทายแฟนเพลงชาวไทย เขากลายเป็นหนุ่มช่างพูดช่างคุย ที่คุยสนุกเป็นกันเอง และเรายังสัมผัสได้ถึงความดีใจที่ได้มาแสดงที่ประเทศไทยอีกครั้งอย่างแท้จริง จากการที่เขาย้ำอยู่บ่อยๆ ว่า เขาเป็นศิลปินที่อยู่ที่ลอสแอนเจลิส การที่ได้บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจัดคอนเสิร์ตในต่างประเทศที่อยู่ไกลบ้านของเขาได้ขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่เขาอยากจะขอบคุณแฟนเพลงทุกคนในฮอลล์วันนั้นจริงๆ จากนั้นเขาก็เริ่มขนเพลงเพราะๆ มาแสดงให้ฟังอย่างต่อเนื่อง ทั้ง “Reforget”, “A Different Way”, “Come Back Home” และ “Chasing Fire” แต่หลังจบเพลงนี้ แฟนเพลงก็ต้องประหลาดใจกันไปทั้งฮอลล์กับเซอร์ไพรส์ที่มาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะ Lauv โผล่ไปร้องเพลงอยู่ทางด้านหลังสุดของฮอลล์ ทำให้แฟนเพลงวิ่งกรูกันเข้าไปที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อหนุ่ม Lauv ให้สัญญาณให้แฟนๆ สงบลงแล้ว เขาก็เริ่มร้องเพลงที่แสดงอารมณ์อย่างเต็มที่ใน “The Story Never Ends” ที่มีแฟนเพลงบางส่วนทำโปรเจกต์เปิดหน้าจอโทรศัพท์ให้เป็นสีฟ้า เข้ากันกับอารมณ์เหงาๆ เศร้าๆ ในเพลงได้เป็นอย่างดี ด้วยความใกล้ทำให้เราแอบเห็นเขาชำเลืองมองส่งสัญญาณกับนักดนตรีบนเวทีที่อยู่อีกฝั่งของฮอลล์เป็นระยะๆ และการร้องเพลงสดๆ แบบเซอร์ไพรส์ในครั้งนี้ก็จบลงด้วยดี ท่ามกลางความปลื้มปริ่มของแฟนเพลงที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ของเขา

เมื่อกลับมาที่เวทีด้านหน้าอีกครั้ง Lauv ยังคงร้องเพลงสลับกับเล่นเครื่องดนตรีทั้งกีตาร์ และคีย์บอร์ดที่ทำเป็นเสียงแบบซินธิไซเซอร์ไปเรื่อยๆ เรียงหน้าเพลงฮิตที่แฟนเพลงร้องตามกันเสียงดังได้เกือบทั้งเพลงอย่าง “Easy Love”, “Enermies”, “Bracelet”, “Adrenalines” และ “I’m So Tired” เพลงที่ทำร่วมกับ Troye Sivan (ที่เราได้มีโอกาสได้ฟังเวอร์ชั่นของ Troye Sivan สดๆ ไปเมื่อไม่นานมานี้) Lauv ไม่ลืมที่จะเล่าถึงที่มาของเพลงซึ้งๆ อย่าง “Superhero” ที่เขาบอกว่าได้เนื้อเพลงมาจาก Blue Box ที่เขาตั้งไว้หน้าคอนเสิร์ตที่เขาเคยเล่น โดยให้แฟนเพลงเขียนอะไรก็ได้ที่อยู่ในใจ และเขาก็นำบางประโยคจากในกล่องนั้นมาเขียนเป็นเพลงนี้ หรือการเล่าถึงคราวที่เขาได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยครั้งแรกด้วยการเป็นศิลปินเปิดให้ Ed Sheeran แล้วเขาก็ร้องเพลง “I Don’t Care” เพลงใหม่ล่าสุดของ Ed Sheeran Feat. Justin Bieber ให้แฟนๆ ได้ฟังกัน รวมไปถึงการเปิดตัวเพลงใหม่เอี่ยมที่ได้แรงบันดาลใจจากเกมชื่อดัง The Sims ที่เมื่อเขาร้องเนื้อเพลงท่อนแรกก็ทำเอาแฟนๆ หลงรักกับเนื้อเพลงเศร้าๆ แต่น่ารักไปเรียบร้อย และเมื่อเขาถามว่า “พวกคุณชอบเพลงใหม่ของผมไหม?” ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่แฟนๆ จะพร้อมใจกันตอบว่า “Yes!” ไม่บ่อยที่เราจะหลงรักเพลงใหม่เอี่ยมที่ได้ฟังครั้งแรกในคอนเสิร์ต และครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นได้จริงๆ

หลังจบเพลงซึ้งๆ อย่าง “The Other” ก็เป็นช่วงอังกอร์ที่ทุกคนรอคอย “Never Not” และ “I Like Me Better” ถูกเล่นตามธรรมเนียมของเพลงดังเก็บไว้หลังสุด และทุกคนก็พร้อมใจกันร้องตามได้อย่างเสียงดังฟังชัด น่าปลื้มใจแทนหนุ่ม Lauv ที่แฟนเพลงในบ้านเราค่อนข้างเหนียวแน่นและรักในเพลงของเขาจริงๆ จนร้องตามได้หลายเพลง การแสดงที่เป็นธรรมชาติที่เขาอ้างว่าเขาเป็นพวกทำตัวแปลกๆ แต่ก็เป็นความแปลกที่เป็นตัวของเขาเองถูกถ่ายทอดผ่านการแสดงของเขาอย่างชัดเจน และยังเป็นโชว์ที่ทำให้เราตื่นตัวอยู่เสมอว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรมาให้แฟนเพลงอีกหรือไม่ตลอดทั้งโชว์ เช่น การร้องเพลงแล้วจู่ๆ ก็หายไปข้างเวทีจนแฟนเพลงเลิ่กลั่กว่าเขาจะไปโผล่ตรงส่วนไหนของฮอลล์อีกหรือไม่ แต่อันที่จริงคือเขาแวบไปเปลี่ยนเสื้อ (ใช่จ้า กลางเพลงเลย) พร้อมสะพายกีตาร์มาโซโลให้ฟัง หรือว่าจะเป็นช่วงก่อนปิดโชว์ที่เขาถอดเสื้อทัวร์ที่เขาสวมอยู่ แล้วเซ็นลายเซ็น (ให้สตาฟ) โยนแจกให้แฟนเพลงสดๆ เอาจริงๆ ถ้าแฟนๆ อังกอร์ต่ออีกสักนิด เราว่าเผลอๆ Lauv จะออกมาร้องต่อก็เป็นได้ เพราะเขาทำให้เราเชื่อว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ

แม้ว่าอากาศในฮอลล์จะร้อนไปสักนิด และแสงไฟในโชว์ครั้งนี้จะมีไม่มาก โดยเฉพาะสปอตไลท์ที่ไม่มีส่องไปที่ตัว Lauv ขณะที่เขาวิ่งไปร้องเพลงซ้ายทีขวาที ทำให้แฟนเพลงด้านหลังมองไม่ค่อยเห็นเขาในบางจังหวะ แต่ไฟบนเวทีที่น้อยแต่มากก็สร้างความบันเทิงให้กับเราได้เต็มที่ ทั้งสีสัน และจังหวะที่ใช้ที่ทำได้สวยงามเข้ากันดีกับเพลงที่น้อยแต่มากของ Lauv เช่นกัน และที่ต้องเอ่ยชมอีกเรื่องคือระบบเสียงที่ค่อนข้างดี ทำให้เราได้ยินเสียงของ Lauv และเสียงเครื่องดนตรีชัดเจนจนไม่รู้จะติตรงไหน ถือว่าทีมงานทำการบ้านมาดีเลยทีเดียว

การชมคอนเสิร์ต Lauv Asia Tour 2019 in Bangkok ในครั้งนี้เราไม่ได้เตรียมอกเตรียมใจกับโชว์ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้ ถือว่าได้กลับบ้านพร้อมกับพลังงานด้านบวกไปเต็มๆ แม้ว่าเพลงของเขาจะเป็นเพลงโทนหม่นๆ ฟ้าๆ เทาๆ ก็ตาม แต่เชื่อว่าศิลปินที่เล่นคอนเสิร์ตด้วยใจแบบนี้มีให้เห็นไม่มาก และแฟนเพลงในค่ำคืนนั้นก็โชคดีที่ได้มีประสบการณ์การรับชมคอนเสิร์ตที่ดีอย่างที่ควรจะเป็นแบบนี้ จนเราอยากให้ทุกคอนเสิร์ตเป็นแบบนี้ไปทุกงานเลยจริงๆ

 

____________________

Story : Jurairat N.

Photos : VIJI Corp