Charlie Puth ทั้งร้อง ทั้งเล่น ทั้งแฟนเซอร์วิสจนอยากจะ see you again (and again)

กลับมาที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานีกันอีกครั้ง หลังจากเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเป็นคืนของ Sam Smith กับ The Thrill of It All Tour in Bangkok 2018 สำหรับคืนวันที่ 29 ตุลาคมนี้ เป็นค่ำคืนของเหล่าแฟนคลับรุ่นเล็กที่ตามมากรี๊ดศิลปินหนุ่มขวัญใจวัยรุ่น ในคอนเสิร์ต Charlie Puth Voicenotes Live in Bangkok 2018 ขยับขยายพื้นที่จาก GMM Live House มาที่นี่เนื่องจากกระแสตอบรับของศิลปินหนุ่มคนนี้ในบ้านเราค่อนข้างไปได้สวย จากคราวที่แล้วที่บัตร sold out อย่างรวดเร็ว มาคราวนี้ถึงแม้จะย้ายมาที่อิมแพ็ค อารีน่าแล้วก็ยังแน่นฮอลล์อีกเช่นเคย กระแสดีไม่มีตกจริงๆ

20.40 น. โดยประมาณ เวทีดำมืดที่อยู่ตรงหน้าเผยให้เป็นภาพของจอ LED ขนาดมหึมาวางเป็นมุมเฉียงลึกเข้าไปข้างใน ขนาบข้างเวทีทั้งสองฝั่ง ฉายให้เห็นภาพของหนุ่ม Charlie Puth ทั้งสองจอชนิดที่ว่าบัตรบนสุดยังคงเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แค่เรื่องจอ LED ก็เป็นการแฟนเซอร์วิสอย่างชัดเจนแล้วหนึ่งเรื่อง ไหนจะชุดที่หนุ่ม Charlie Puth เลือกใส่ขึ้นโชว์ในวันนี้ ยังเป็นชุดเรียบง่าย (มาก) เสื้อยืดแขนกุดสีขาว กางเกงผ้านุ่มลายสก็อตต์ ที่มองแล้วนึกถึงสภาพหนุ่ม Charlie ตื่นขึ้นมาจากที่นอนแล้ววิ่งมาเล่นคอนเสิร์ตเลยอย่างไรอย่างนั้น แต่ถึงกระนั้นถ้ามองข้ามเรื่องชุดอันสุดแสนจะเรียบง่ายนี้ไป การแสดง การร้อง การเล่นดนตรี และพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับแฟนคลับของเขา ก็เป็นเสน่ห์ที่เรามองข้ามเรื่องการแต่งตัวไปได้อย่างสบายๆ (แต่ถ้าแต่งชุดเท่ๆ กว่านี้ก็คงจะดูดีกว่านี้อีกเยอะนะ)

 

 

 

Charlie Puth ชวนนักดรตรีระเบิดความมันกันด้วยเพลงสนุกๆ อย่าง “The Way I Am” ที่ออกแนวร็อคแอนดืโรลนิดๆ ราวกับเพลงของ Michael Jackson ยิ่งเห็นภาพ Charlie ควงขาไมค์หันหลังชนมือกีตาร์ร้องเพลง ยิ่งให้อารมณ์ชาวร็อคเบาๆ ได้อยู่

พลังงานในฮอลล์เริ่มพลุ่งพล่าน Charlie เลือกเพลงจังหวะกลางๆ น่ารักๆ อย่าง “Slow It Down” มาลดเสียงกรี๊ด เสียงตะโกนบอกรักจากแฟนๆ แถวหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเร่งเครื่องอีกครั้งด้วย “How Long” ที่เขาหันไปรัวนิ้วเล่นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ และชวนให้แฟนๆ ลุกขึ้นเต้นกันอย่างเต็มที่ นาทีนี้ไม่มีใครนั่งอยู่กับเก้าอี้เฉยๆ ได้ เพราะต้องตะโกนร้องเพลงไปพร้อมๆ กับ Charlie ข้นแท่นเพลงฮิตอีกเพลงของเขาไปโดยปริยาย

หากใครได้ชมคอนเสิร์ตของเขาเมื่อปี 2016 จะจำได้ดีว่าหนุ่ม Charlie ให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับแฟนเพลงมากแค่ไหน คราวนี้เขาก็ยังหันมาคุยกับแฟนเพลง ชี้ให้กล้องดูภาพที่แฟนเพลงบรรจงวาดมาให้มากมาย บอกรักแฟนเพลง และไม่ลืมที่จะเล่าถึงเพลงที่เขาแต่งก่อนจะเข้าเพลงอีกด้วย ทำให้คนฟังได้ทราบถึงที่ไปที่มาของเพลง และเข้าใจเพลงที่กำลังฟังได้มากขึ้น อย่าง “Empty Cups” Charlie บอกว่าเป็นเพลงที่เขาแต่งเป็นเพลงสุดท้ายก่อนปิดอัลบั้ม ​Voicenotes ล่าสุด และ “LA Girl” เป็นเพลงแรกของอัลบั้มนี้ที่เขาแต่งขึ้น นอกจากนี้ยังขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยอีกหลายครั้ง ที่ทำให้ฝันของเขาที่อยากแสดงในฮอลล์คอนเสิร์ตใหญ่ๆ แบบนี้เป็นจริง และไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานด้วยการชมอาหารไทยว่าอร่อยถูกปากมาก การันตีด้วยการทานผัดไทยทุกวัน แล้วลูบท้องตัวเองเบาๆ แบบนี้แฟนเพลงไม่รักก็แย่แล้ว

 

 

 

ความสามารถทางด้านดนตรีของ Charlie Puth ยังคงแสดงให้เราได้เห็นกันอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการรัวนิ้วเล่นคีย์บอร์ดในหลายๆ เพลง อย่าง “Marvin Gaye”, “Patient” และ “Suffer” หรือร้องเพลงแนวอะคูสติกโชว์พลังเสียงแบบ perfect pitch ที่เป็นพรสวรรค์ของเขาใน “Change” หรือจะร้องไป เล่นดนตรีไป เอนเตอร์เทนคนดูไปอย่างในเพลง “We Don’t Talk Anymore” เพลงสุดฮิตจากอัลบั้ม Nine Track Mind หรือการสะพาย Keytar ดวลเสียงดนตรีร่วมกับวงแบคอัพ ทุกอย่างพิสูจน์ให้เราเห็นว่าเขาคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น แต่มาพร้อมความสามารถทางดนตรีรอบด้านที่เกินอายุไปมากจริงๆ

แฟนเซอร์วิสยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เมื่อ ​Charlie Puth เลือกที่จะถอดเสื้อเผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ พร้อมกับฉากบนเวทีสีแดงร้อนรุ่มในเพลงสุดเซ็กซี่ “Done For Me” หลายเพลงที่เป็นเพลงคู่ หรือมีศิลปินร้องสองคนที่เขาไป featuring ด้วย เมื่ออยู่บนคอนเสิร์ตที่ Charlie ต้องร้องเองคนเดียวทั้งเพลง ก็ถือว่าเขาทำได้ดีในการเก็บรายละเอียดของทุกท่อนเพลงได้หมด และเมื่อกลับมาที่เพลงฮิตอย่าง “One Call Away” และ “Attention” เราก็ได้เห็นหนุ่มคนนี้เดินไปซ้ายทีขวาที ชวนแฟนๆ ร้องเพลงตามอย่างสนุกสนาน จนแทบจะไม่มีใครในฮอลล์นั่งติดเก้าอี้กันอีกต่อไป

หลังจากหายไปจากเวทีเพื่อเข้าสู่ช่วงอังกอร์เพียงไม่กี่อึดใจ Charlie Puth กลับมาในชุดเดิม (ที่เหลือแต่กางเกง) และเริ่มต้นบรรเลงคีย์บอร์ดในเพลงที่เขาบอกว่าเป็นเพลงเปลี่ยนชีวิตอย่าง “See You Again” ที่เขากล่าวว่าเขาแต่งเพลงนี้เอาไว้นานแล้ว และไม่คิดว่าในวันหนึ่งมันจะกลายเป็นเพลงที่สำคัญกับชีวิตของเขามากขนาดนี้ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับทุกสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะไม่แน่ว่าสักวันมันอาจจะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของคุณได้ เหมือนกับเพลงนี้ที่เปลี่ยนชีวิตของเขามาแล้ว จากนั้นก็ปล่อยให้แฟนเพลงร้องคลอเพลงนี้ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ และโบกมือลาด้วยรอยยิ้ม พร้อมคำสัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

 

 

แม้ว่าส่วนตัวแล้วคิดว่าในหลายๆ เพลง เวอร์ชั่นสดยังมีเสน่ห์ และเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีเท่าในซีดีที่ได้ฟังกัน ยังโชว์พลังเสียงได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร เน้นเอนเตอร์เทนมากกว่าเพอร์ฟอร์ม รวมไปถึงจอ LED ขนาดยักษ์ด้านหลังที่แอบคิดว่ามันน่าจะทำอะไรได้มากกว่าการฉายภาพ Charlie อย่างเดียว (มีบางช่วงที่เปลี่ยนเป็นแสงไฟสีๆ แต่เป็นเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น) แต่โดยรวมแล้วการแสดงสดของหนุ่มคนนี้ก็ยังเต็มไปด้วยพลังด้านบวกที่อิ่มเอมใจทั้งเพลงช้า เพลงเร็ว และความเป็นกันเองของเขาก็ทำให้บรรยากาศโดยรวมของโชว์อบอุ่น น่าฟัง และน่ามองตลอดทั้งโชว์เช่นเคย

… เพราะน่ารักอย่างนี้แหละมั้ง แฟนๆ ถึงอยากจะ see you again กันอีกหลายๆ ครั้งไม่มีเบื่อ

____________________

Story : Jurairat N.

Photos : BEC-Tero Entertainment