UrboyTJ เปิดใจเรื่องโรคซึมเศร้า! ที่จุดประกายเพลงฮิต "รังเกียจกันไหม" | Sanook Music

UrboyTJ เปิดใจเรื่องโรคซึมเศร้า! ที่จุดประกายเพลงฮิต "รังเกียจกันไหม"

UrboyTJ เปิดใจเรื่องโรคซึมเศร้า! ที่จุดประกายเพลงฮิต "รังเกียจกันไหม"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงแม้จะเป็นศิลปินไฟแรงที่มีผลงานเพลงฮิตต่อเนื่อง แต่หนุ่มฮิปฮอป Urboy TJ เองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้านานถึงสองปี ซึ่งเขาได้นำความรู้สึกตอนที่รู้สึกอ่อนแอมาทำเพลง รังเกียจกันไหม ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

 

โดยหลังจากที่ปล่อยเพลงออกมาไม่นาน ทีเจ เองก็ได้มาเยี่ยมรายการเรียงคิวบันเทิง พร้อมให้สัมภาษณ์กับทีมงาน Sanook! Music เรื่องผลงานเพลงใหม่และการต่อสู้กับโรคซึมเศร้าของเขาด้วย

 

 

ล่าสุด ทีเจ ได้กลับมาพร้อมเพลง รังเกียจกันไหม เพลงนี้มีที่มาอย่างไร

ทีเจ : เพลงนี้เป็นเรื่องจริงที่เจอกับตัวเองครับ จากอาการขี้เหงาขี้น้อยใจ คิดมาก เอาทุกอย่างมารวมกันจนสมองทำงานไม่หยุดและนอนไม่หลับ เพลงนี้ก็ทำออกมาเป็นตัวแทนของผมเองและปล่อยในวันที่ 20 สิงหาคมที่เป็นวันเกิดของตัวเองครับ

 

ตอนที่เขียนเพลง คุณมีความรู้สึกอะไรบ้าง

ทีเจ : ตอนนั้นผมเป็นโรคซึมเศร้าครับ ก็ต้องอยู่คนเดียวและไม่มีใครคุยด้วย เลยรู้สึกแย่และเหงาเลยทำเพลงนี้ออกมา ผมเป็นโรคซึมเศร้ามาสองปีแล้วครับ ตอนนั้นผมอยู่คนเดียวในห้องอัดตอนตีสี่และเหงามาก แต่ไม่มีใครคุยกับเรา ก็เลยคิดไปว่าเขารังเกียจเราหรือรำคาญหรือเปล่า ก็เลยเกิดเป็นเพลงนี้ครับ

 

การทำงานเพลงมีส่วนช่วยบำบัดโรคซึมเศร้าบ้างไหม

ทีเจ : ไม่ได้ใช้เลยครับ เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่เพลงก็เป็นพื้นที่ให้ผมระบายความรู้สึกครับ เวลารู้สึกแย่ก็เขียนเพลง เวลารู้สึกดีก็เขียนครับ แต่เพลงก็ไม่ได้ช่วยอาการดีขึ้นโดยตรงครับ แต่มันก็มีผลกับอารมณ์อย่างเช่นเวลาเพลงเศร้าก็เศร้ากว่า

 

คุณมีวิธีอย่างไร ในการจัดการอารมณ์ตัวเองเมื่อมีอาการซึมเศร้า

ทีเจ : พยายามไม่อยู่คนเดียว ผมก็จะพยายามออกไปหาเพื่อน หรือไม่ก็ชวนเพื่อนมาหาหรือมาทำเพลงแต่งเพลงกันในห้องอัดครับ

 

 

เพลงนี้คุณได้ โฟร์ 25hours และ เอฟู Demolab มาร่วมงานด้วย การทำงานเป็นอย่างไรบ้าง

ทีเจ : เพลงนี้พี่โฟร์มาช่วยอัดกีต้าร์ไฟฟ้าให้ครับ พี่เอฟูก็มาช่วยเรื่องดนตรีเครื่องสายในเพลงและมีพี่ เจ มณฑล มาช่วยมิกซ์เสียงและส่งไป Mastering ที่อเมริกาครับ เพลงนี้ใช้เวลาครึ่งปีในการทำครับ เริ่มเขียนตอนต้นปี แล้วมาทำขั้นตอนสุดท้ายในช่วงเดือนมิถุนายนครับ

 

ทำไมคุณถึงเลือกร่วมงานกับ เจ มณฑล ในซิงเกิ้ลนี้

ทีเจ : เพลงนี้มันไม่ได้ฮิปฮอปจ๋าขนาดนั้นครับ มันมีความเป็นอาร์แอนด์บี มีความเป็นคันทรี่จากกีต้าร์โปร่งและกีต้าร์ไฟฟ้า เลยอยากให้พี่เขามิกซ์ให้ เพราะเขาเคยทำงานกับพี่ฮิวโก้และพี่เป้อารักษ์แล้วผมชอบงานเขามาก พอส่งงานไปให้เขาฟังเขาก็โอเคครับ เขาเลยทำให้ครับ

 

การทำงานกับคุณเจ เป็นอย่างไรบ้าง

ทีเจ : เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงและทำงานเป็นเวลามาก วิธีเดียวที่จะติดต่อเขาได้คือเฟสบุ๊คครับ เขาไม่รับโทรศัพท์ ไม่เล่นไลน์หรือโซเชี่ยลใดๆเลย เขาจะทำงานแค่เจ็ดโมงเช้าถึงสี่ทุ่มเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถติดต่อเขานอกเวลางานได้เลย เขาจะตัดโซเชี่ยลออกไปเลย นิสัยของเขาและผมจะคล้ายกันครับ เพราะเป็นคนโลกส่วนตัวสูงทั้งคู่และเวลาทำงานจะจริงจังมากเช่นกันครับ

 

 

ทำไมถึงเลือกทำเอ็มวีเป็นสีขาวดำ

ทีเจ : เอ็มวีที่ทำออกมาเป็นสีครับ แต่ผมชอบโทนขาวดำมากกว่าเพราะตอนทำเพลงเห็นทุกอย่างเป็นสีขาวดำหมด เลยให้เขาตัดเวอร์ชั่นขาวดำออกมา พอให้ทุกคนดูเขาก็ชอบกันเพราะมันได้อารมณ์หดหู่กว่าการเป็นสีครับ

 

กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง

ทีเจ : ดีมากครับ ก็สองล้านวิวเร็วมาก และติดชาร์ตเกือบทุกที่ด้วย ก็ขอบคุณมากครับ

 

เวลาขึ้นโชว์แฟนๆจะเห็นทีเจแต่งตัวมีเอกลักษณ์ทุกครั้ง คุณได้เลือกเสื้อผ้าเวลาขึ้นแสดงเองหรือไม่

ทีเจ : เลือกเองครับ เพราะผมเป็นคนชอบแต่งตัวก็จะมีความสุขเวลาได้ใส่ชุดใหม่ หรือแต่งตัวใหม่ๆเวลาขึ้นคอนเสิร์ตครับ แต่ไม่ใช่คนสะสมเสื้อผ้าเท่าไหร่ ชอบสะสมกล้องมากกว่า คือตอนแรกไม่คิดจะถ่ายเลย แต่พี่โอ๊ตเขาชอบถ่ายเลยขอลองกล้องเขา พอถ่ายก็สนุกมากตอนนี้ก็เลยเข้ากลุ่มพ่อบ้าน Leica กับพี่ๆเขาแล้วครับ (หัวเราะ)

 

 

ก่อนหน้าคุณก็ได้ร่วมฟีทเพลง "อย่าเพิ่งใจร้าย" ที่ประสบความสำเร็จมาก การทำงานกับวง The Mousses เป็นอย่างไร

ทีเจ : วง The Mousses น่ารักมากครับ ล่าสุดก็ไปคอนเสิร์ต Genie Free fanday ทางวงเองก็ได้เซอร์ไพรส์วันเกิดผมบนเวทีด้วยครับ ตอนทำงานกับพี่ๆเขาผมก็ไปคุยกับวงเขาที่สตูดิโอเลยครับ ก็พูดคุยกับโปรดิวเซอร์และพี่แอร์ที่เขาอยากให้เรามาช่วยแต่งและฟีทเจอริ่ง พอคุยคอนเซ็ปต์ต่างๆใช้เวลาสักพักก็ได้เวลาเขียนจริง

 

อีกหนึ่งเพลงที่คุณร่วมงาน คือเพลง มีแฟนแล้ว ของ โอ๊ต ปราโมทย์ การทำงานเพลงนี้เป็นอย่างไร

ทีเจ : ก็สนุกดีครับ เพราะสนิทกับพี่โอ๊ตมากอยู่แล้ว เพลงนี้ผมเขียนเองและโปรดิวซ์เองด้วยเพราะพี่เขาอยากทำเพลงด้วยกันหนึ่งเพลง ตอนช่วงต้นปีเรายังไม่สนิทก็เลยไม่รู้จะเขียนเพลงอะไรที่จะผสมผสานตัวตนของเราได้อย่างลงตัว พอมีโอกาสได้กินข้าวได้ไปเที่ยวด้วยกัน เลยได้คอนเซ็ปต์เพลงนี้ออกมาซึ่งพี่เขาก็ชอบมาก ก็เลยได้ทำออกมาครับ

 

หลังจากที่มีเพลงดังออกมาหลายซิงเกิ้ล ชีวิตเปลี่ยนมากไหม

ทีเจ : ก็ไม่เท่าไหร่ครับ ผมเองก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองดังมากในตอนนี้ (หัวเราะ) แต่ก็มีแฟนคลับเยอะขึ้นมาก ล่าสุดก็มีแฟนคลับเซอร์ไพรส์วันเกิดและเอาของขวัญมาให้ด้วยครับ

 

 

 

การเป็นศิลปินเดี่ยวต่างจากตอนเป็นวงบ้างไหม

ทีเจ :  สมัยก่อนผมเองจะขี้อายไม่ค่อยพูดเพราะอยู่ในวง ให้เพื่อนๆพูดแล้วเราเสริมนิดหน่อย แต่พอเป็นศิลปินเดี่ยวก็ต้องเอนเตอร์เทนคนเอง ตอนนี้ก็ไม่อายคนแล้วและเข้าสังคมได้ดีขึ้น แต่ก่อนเวลาไปสถานที่ต่างๆไม่คุยกับใครเลย คือขี้อายและไม่รู้จะคุยกับใคร ถ้าใครอยากรู้จักก็ต้องมาคุยเองครับ แต่เดี๋ยวนี้ผมดีขึ้นมากแล้วครับ

 

ความขี้อายของทีเจ มีผลกับการทำงานเพลงหรือไม่

ทีเจ : เวลาร้องเพลงผมมั่นใจ มันเป็นสิ่งที่ผมรักและรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีเลยไม่อายครับ แต่จะอายตอนพูดกับคนดูบนเวทีมากกว่าครับ แต่ก็พยายามฝึก Live โซเชี่ยลอยู่ ถึงยังไม่เก่งแต่ก็ดีขึ้นมากครับ

 

สุดท้ายนี้ ถ้าใครอยากเป็นศิลปินแบบทีเจ ควรเริ่มอย่างไร

ทีเจ : พื้นฐานอย่างแรกต้องมีตั้งใจในการทำจริงๆ การทำเพลงที่ต้องทำคนเดียวมันเหนื่อยมาก เพราะถ้าเราไม่รักมันจริง ทำไปมันก็จะท้อและทิ้งกลางครับ ก็ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ต้องถามตัวเองก็ว่าเรารักมัน พร้อมอดทนสู้กับมันได้หรือเปล่า ถ้าเรามันจริงก็เริ่มไปเลย เพราะวิธีมีในเน็ตหมดทั้งยูทูปและที่ต่างๆ ขอแค่มี Passion หรือความต้องการมากพอครับ

 

คลิกฟังเพลง รังเกียจกันไหม - URBOYTJ 

 

คลิกชมการสัมภาษณ์และร้องเพลง รังเกียจกันไหม แบบสดๆ ในรายการ เรียงคิวบันเทิง

 

นอกจากผลงานเพลง รังเกียจกันไหม ของทีเจจะประสบความสำเร็จแล้ว ผลงานเพลงนี้ก็ทำให้แฟนเพลงได้รู้จักและเข้าใจตัวตนมากขึ้นด้วย ซึ่งแฟนๆสามารถฟังผลงานเพลง รังเกียงกันไหม และซิงเกิ้ลอื่นๆ ของทีเจได้ที่ JOOX และ Sanook! Music ได้เลยครับ

ขอบคุณภาพจาก Instagram URBOY TJ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ UrboyTJ เปิดใจเรื่องโรคซึมเศร้า! ที่จุดประกายเพลงฮิต "รังเกียจกันไหม"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook