กฎระเบียบสุดดาร์กในโรงเรียนที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น เมื่อเด็กสาววัย 18 ปีฟ้องร้องรัฐบาลเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เธอถูกทำร้ายจิตใจ เนื่องจากถูกสั่งให้ย้อมผมสีน้ำตาลที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิดให้กลายเป็นสีดำสนิท ซึ่งเด็กสาวคนดังกล่าวไม่ได้ไปโรงเรียนมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2016 แล้วตามคำแนะนำของอาจารย์ของโรงเรียน

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายนปี 2015 ก่อนจะเปิดเทอม แม่ของเด็กนักเรียนสาวเล่าว่า ทางโรงเรียนไม่ได้บังคับให้ลูกของเธอทำผมเป็นสีดำ อีกทั้งลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนก็มีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนเรียนช่วงมัธยมต้น และไม่สบายใจกับเรื่องดังกล่าว แต่ท้ายที่สุด โรงเรียนก็ไม่ยอมให้เด็กสาวคนดังกล่าวเข้าร่วมงานเฟสติวัลของทางโรงเรียน รวมถึงทริปทัศนศึกษาเพียงเพราะสีผมของเธอ และเริ่มมีการแนะนำให้ไปเปลี่ยนสีผมซะ เดือนกันยายน 2016 อาจารย์แจ้งเด็กสาวว่า ไม่ต้องมาโรงเรียนจนกว่าเธอจะย้อมผมไปเป็นสีดำ เธอจึงไม่ไปโรงเรียนนับจากนั้น และในเดือนเมษายน 2017 อาจารย์ก็ได้ทำการลบชื่อเธอจากรายชื่อนักเรียน เพราะจะได้อธิบายกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ และบรรดาผู้ปกครองได้ว่า เธอลาออกไปแล้ว แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้ลาออกก็ตาม

ในที่สุดกรณีนี้ก็กลายเป็นข่าวดัง แฮชแท็ก “#ブラック規則 (Black School Rules)” กลายเป็นเทรนด์ในทวิตเตอร์ พร้อมกับการแชร์เรื่องราว “ดาร์กๆ” จากกฎของโรงเรียนในหลายพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นให้โลกรู้ เช่น

ห้ามผูกผมทรงหางม้า เนื่องจากการเผยให้เห็นช่วงต้นคออาจเป็นเหตุให้นักเรียนชายอดใจไม่อยู่, บังคับให้ใส่เสื้อทับแทนชุดชั้นใน เนื่องด้วยเหตุผลคล้ายคลึงกับข้อแรก, กางเกงในต้องเป็นสีขาวเท่านั้น หรือแม้กระทั่งกฎห้ามทาซันสกรีนเพราะกลัวว่านักเรียนจะทามาแข่งกันเป็นกระแสแฟชั่น

เรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมเฉพาะตัวของประเทศญี่ปุ่น แต่หากกฎเหล่านั้นเคร่งจนเกินไป การไปโรงเรียนก็คงจะไม่สนุกอีกต่อไป โดยในบางประเทศจะมีมาตรการบางอย่างที่เอาไว้ปกป้องนักเรียนจากเหตุการณ์ที่ไม่เป็นธรรม

 

อย่างในมหาวิทยาลัยกรุงเทพของบ้านเราก็มีการเตรียมเครื่องแบบเอาไว้ 4 ประเภทเพื่อรองรับความต้องการของนักศึกษาทุกคน หากสถานศึกษามีการบริหารจัดการแบบนี้จำนวนมากขึ้น เหล่านักเรียนก็อาจจะใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนมากขึ้นก็เป็นได้