Shadow Fed Chair แรงกดดันบงการตลาด ส่งผลต่อทองคำ

Shadow Fed Chair แรงกดดันบงการตลาด ส่งผลต่อทองคำ

Shadow Fed Chair แรงกดดันบงการตลาด ส่งผลต่อทองคำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ราคาทองคำปรับขึ้นรับเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย ตลาดเริ่มให้ความสนใจในท่าทีของ ‘Shadow Fed Chair’ มากกว่านโยบายของ Fed ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจ มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) และการผ่านร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill Act (OBBBA)

ราคาทองโลกเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม สะท้อนแรงซื้อจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่เคยแจ้งไว้กับ Dot Plot ในการประชุมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) อ่อนค่าลงต่อเนื่อง หนุนราคาทองให้พุ่งแรงขึ้น

ขณะเดียวกัน แนวคิด ‘Shadow Fed Chair’ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในตลาดการเงินโลก เมื่อทรัมป์เตรียมเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ล่วงหน้า แม้เจอโรม พาวเวล จะยังดำรงตำแหน่งจนถึงกลางปี 2026 แนวคิดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ 111 ปีของ Fed และสะท้อนความพยายามแทรกแซงทิศทางนโยบายการเงินผ่านการเมืองโดยตรง

‘Shadow Fed Chair’ คือแนวคิดที่เกิดจากความพยายามของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการส่งสัญญาณนโยบายการเงินล่วงหน้า ผ่านการเสนอชื่อว่าที่ประธาน Fed ก่อนครบวาระ เพื่อชี้นำตลาดให้คาดหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่แนวคิดนี้กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาด บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อความเป็นอิสระของ Fed และเปิดช่องให้เกิด “เสียงซ้อน” ด้านนโยบาย ในช่วงเวลาที่ตลาดกำลังเปราะบางและต้องการความมั่นใจจากนโยบายการเงินที่ชัดเจน แม้คำว่า ‘Shadow’ ในเชิงการเมืองจะฟังดูใหม่ แต่ในโลกการเงิน คำนี้เคยปรากฏในชื่อของกลุ่ม Shadow Open Market Committee (SOMC) ซึ่งก่อตั้งโดยนักเศรษฐศาสตร์อิสระในปี 1973 และยังคงมีบทบาทจนถึงปัจจุบัน เพื่อวิจารณ์นโยบายของ Fed อย่างเปิดเผยในเชิงวิชาการ ต่างจากแนวคิด ‘Shadow Fed Chair’ ซึ่งเกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง และมีเป้าหมายเพื่อชี้นำตลาดผ่านบุคคลที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

ผู้เชี่ยวชาญหลายรายแสดงความกังวลต่อแนวคิด ‘Shadow Fed Chair’ โดยเฉพาะ Alan Blinder อดีตรองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเตือนว่า “การมีประธานเฟด 2 คนในเวลาเดียวกัน เป็นแนวคิดที่เลวร้าย” ขณะที่ Kathryn Judge จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ระบุว่า “ผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ไม่อาจคาดการณ์ได้ เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่าแม้ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวประธาน Fed อย่างเป็นทางการ แต่ ‘นโยบายเงา’ ที่เกิดจากการผลักดันทางการเมือง ก็สามารถสั่นสะเทือนตลาดได้จริง นักลงทุนจึงต้องอ่านเกมล่วงหน้าให้ลึก ไม่ใช่เพียงติดตามคำแถลงจาก Fed เท่านั้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังแรงกดดันนอกระบบที่กำลังแทรกเข้ามาอีกด้วย

ส่องแนวโน้มทองคำเดือนกรกฎาคม

สำหรับเดือน ก.ค.นี้ ฮั่วเซ่งเฮงสรุปปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรจับตา ดังต่อไปนี้

สัญญาณจาก ‘Shadow Fed Chair’

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคำแถลงของเจ้าหน้าที่ Fed จะถูกตีความอย่างรวดเร็ว หากเอนเอียงไปทาง Dovish ก็อาจหนุนราคาทองให้กลับมาทดสอบระดับ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ความไม่แน่นอนด้านการเมืองและภาษี

ทรัมป์ยืนยันว่าจะเดินหน้าบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งอาจกระตุ้นความกังวลเรื่องเงินเฟ้อรอบใหม่ ส่งผลให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะ “เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง”

ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางทั่วโลก

ธนาคารกลางของประเทศสำคัญอย่างจีน ตุรกี และอินเดีย ยังคงทยอยสะสมทองคำสำรองต่อเนื่อง สะท้อนว่า แม้ Fed จะพยายามควบคุมนโยบายดอกเบี้ยอย่างไร แต่บทบาทของทองคำในระดับมหภาคยังคงแข็งแกร่ง

แนวรับสำคัญในตลาดไทย

ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่า ราคาทองคำแท่งในประเทศอาจปรับฐานลงมาทดสอบแนวรับที่ 49,500 - 50,200 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับที่น่าทยอยสะสมอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายราคาสูงสุดช่วงครึ่งหลังของปีที่ประมาณ 55,600 บาท (โดยอิงจากราคาทองโลกที่ 3,630 ดอลลาร์ และค่าเงินบาทที่ 32.45 บาทต่อดอลลาร์)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล