แฟรนไชส์ กาแฟชาวดอย Chao Doi ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ เช็กเลยกี่บาท

อยากเปิดแฟรนไชส์ กาแฟชาวดอย Chao Doi ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ และต้องเตรียมอะไรบ้าง เช็กเงื่อนไขได้ที่นี่
ธุรกิจร้านกาแฟ เป็นประเภทธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก เนื่องจากผู้บริโภคในกลุ่มคนดื่มกาแฟ ชอบไปคาเฟ่มากขึ้น ที่สำคัญธุรกิจร้านกาแฟเป็นกิจการติดตลาดที่สามารถทำทุนได้อย่างยั่งยืนในทุกวันนี้
แต่ถึงกระนั้น ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านกาแฟก็มีนับไม่ถ้วนในปัจจุบัน เรียกว่ามีการแข่งขันสูงจนเลือกลงทุนไม่ถูก ในเมื่อทุกธุรกิจก็ต่างมีสินค้าและบริการดีๆ ที่น่าลงทุน แต่แฟรนไชส์ร้านกาแฟเจ้าไหนที่นอกจากจะดีแล้ว ยังสามารถเลือกลงทุนน้อยพร้อมความเสี่ยงต่ำได้ ข้อนี้สิที่หาไม่ง่ายเลย แฟรนไชส์กาแฟชาวดอย Chao Doi ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจแฟรนไชส์ร้านกาแฟ ที่แม้ว่าจะลงทุนน้อย แถมความเสี่ยงต่ำ
ทำไมแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ?
ข้อมูลจาก Chao Doi ระบุว่า “แฟรนไชส์กาแฟชาวดอย” เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่อยู่ภายใต้แบรนด์อโรม่ากรุ๊ป เจาะกลุ่มกิจการร้านกาแฟสดคุณภาพดีที่ได้จากผลิตผลกาแฟดอยไทยแท้ ๆ กาแฟชาวดอย ให้กลิ่นอายกาแฟไทยเกรดพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างพิเศษสู่คอกาแฟสดมานานกว่า 60 ปีแล้ว
แรกเริ่มเดิมที ผู้ก่อตั้งกาแฟชาวดอย ตั้งใจสร้างแบรนด์มาด้วยเหตุผลที่อยากให้คนไทยได้ดื่มกาแฟสดคุณภาพในราคาและทำเลที่เข้าถึงได้ เจาะใจคอกาแฟทุกกลุ่มทุกวัย กาแฟสดชาวดอย จึงขยับขยายมาเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่พบเจอได้ทั้งตามแหล่งคนทำงาน แหล่งชุ่มชน ตลอดจนร้านกาแฟขึ้นห้าง
ในแง่ธุรกิจและการลงทุนในแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย มีความยืดหยุ่นสูงทั้งเงินลงทุน การสต๊อกสินค้า ค่าใช้จ่ายก่อนและหลังเปิดร้าน รวมถึงมีแรงสนับสนุนผู้ซื้อแฟรนไชส์อยู่เสมอ จึงทำให้แฟรนไชส์กาแฟชาวดอย เป็นแฟรนไชส์ร้านกาแฟที่มีการลงทุนน้อยและความเสี่ยงต่ำ
ราคาแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย
ชุดธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟชาวดอยมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่
- ชุดชาวดอยคอฟฟี (Set A)
- เป็นชุดธุรกิจแฟรนไชส์เริ่มต้น ที่จะครอบคลุมการทำร้านที่มีเมนูเบสเป็นกาแฟทั้งหมด ชุด A จะมีราคา 433,000 บาท
- ชุดชาวดอยคอฟฟี แอนด์ บับเบิ้ลที (Set B)
- เป็นชุดธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟชาวดอยที่ครอบคลุมทั้งกาแฟและเมนูชา มีราคาอยู่ที่ 450,000 บาท
- ชุดชาวดอยดริป บาร์ (Set C)
- เป็นชุดธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟชาวดอยในรูปแบบกาแฟดริป ตอบโจทย์คอกาแฟสมัยใหม่ เป็นเซ็ตเพิ่มเติมจากธุรกิจเซ็ต A และ B ราคา 50,000 บาท
ค่าก่อสร้าง/ค่าตกแต่ง
- ขนาดเล็ก (Mini) : จะมีค่าโครงสร้างเริ่มต้น 290,000 บาทและค่าตกแต่งเริ่มต้น 300,000 บาท
- ขนาดมาตรฐาน (Standard) : จะมีค่าโครงสร้างเริ่มต้น 450,000 บาทและค่าตกแต่งเริ่มต้น 500,000 บาท
- ขนาดใหญ่ (Value) : จะมีค่าโครงสร้างเริ่มต้น 800,000 บาทและค่าตกแต่งเริ่มต้น 700,000 บาท
- ขนาดเต็มรูปแบบ (Full Flavoured) : จะมีค่าโครงสร้างเริ่มต้น 1.2 ล้านบาทและค่าตกแต่งเริ่มต้น 1 ล้านบาท
สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย
- เครื่องหมายการค้า 5 ปี (3+2) : เป็นปกติที่ธุรกิจแฟรนไชส์จะให้สิทธิ์แก่แฟรนไชส์ซีหรือผู้ซื้อกิจการสามารถใช้เครื่องหมายการค้าได้ แฟรนไชส์กาแฟชาวดอยจะให้สิทธิผู้ซื้อแฟรนไชส์ในการใช้เครื่องหมายการค้า ไม่ว่าจะตราสินค้า ชื่อหรือโลโก้ร้าน เป็นระยะเวลาสูงถึง 5 ปี หรือ 3 ปี + เพิ่มอีก 2 ปี ในการลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียว
- สิทธิ์การใช้วัตถุดิบ / บรรจุภัณฑ์ : แฟรนไชส์กาแฟชาวดอยจะให้สิทธิแฟรนไชส์ซีในการใช้วัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ชาวดอย ซึ่งเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูง จึงหมดกังวลที่แฟรนไชส์ซีต้องหาซื้อวัตถุดิบหรือบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวเอง
- หลักสูตรการอบรมพื้นฐาน : แฟรนไชส์กาแฟชาวดอย ยังใส่ใจทำหลักสูตรอบรมพื้นฐาน ไม่ว่าแฟรนไชส์ซีจะมีความรู้เรื่องกาแฟมาบ้างหรือไม่มีเลย ด้วยหลักสูตรปูพื้นฐานของชาวดอยพร้อมเจ้าหน้าที่ Set Up support ก็จะสามารถช่วยเหล่าแฟรนไชส์ซีให้สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจกาแฟได้เป็นอย่างดี
- สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมการตลาด : เมื่อการเปิดร้านเริ่มต้นมาดีแล้ว การทำการตลาดระหว่างดำเนินกิจการก็ต้องทำควบคู่กันไปด้วย แฟรนไชส์กาแฟชาวดอย ยังมอบสิทธิประโยชน์ร่วมสนับสนุนและผลักดันกิจกรรมทางการตลาด โปรโมชั่น การประชาสัมพันธ์ทั้งในโซเชียลมีเดีย ออนไลน์แพล็ตฟอร์มและหน้าร้าน เพื่อช่วยส่งเสริมให้กิจการของแฟรนไชส์ซี มีช่องทางทำเงินและต่อยอดธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ
- การช่วยเหลือตลอดการดำเนินธุรกิจ : อีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ที่ดีมาก ๆ ของแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย คือการอยู่ช่วยเหลือตลอด ไม่ละทิ้งแฟรนไชส์ซี เพราะชาวดอยมีทีมงานและผู้เชี่ยวชาญที่คอยสแตนด์บายให้ความช่วยเหลือหรือปรึกษาการทำธุรกิจตลอดที่ถือสัญญา รวมถึงมีทีมตรวจสอบคุณภาพเพื่อให้ร้านคงคุณภาพได้มาตรฐานอยู่เสมอ
ขั้นตอนสำหรับเปิดแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย
1. วิเคราะห์พื้นที่
- สิ่งแรกที่เหล่าแฟรนไชส์ซีหรือผู้ที่ต้องการจะเปิดแฟรนไชส์กาแฟชาวดอยต้องทำคือหาทำเลและวิเคราะห์พื้นที่ เพราะถ้าหากทำเลดี พื้นที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าง่าย ไม่ว่าร้านจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถส่งผลต่อธุรกิจในทางที่ดี ทั้งนี้แฟรนไชส์กาแฟชาวดอย ยังมีทีมที่คอยให้คำปรึกษาและประเมินความเป็นไปได้ก่อนเปิดร้านจริง
2. พัฒนากลยุทธ์
- ชาวดอยจะมีการพูดคุยกับแฟรนไชส์ซีเพื่อวางแผนกลยุทธิ์และแนวทางในการเปิดร้านเพื่อลดการเกิดความเสี่ยงที่อาจเกิดและทำให้การเปิดร้านเป็นไปอย่างราบรื่น
3. ก่อสร้าง / ตกแต่ง
- แฟรนไชส์ชาวดอยจะมีทีมช่างหรือผู้รับเหมาส่วนกลางคอยสนับสนุนเรื่องการก่อสร้างร้านทั้งภายนอกและภายใน
4. การเข้ารับการอบรม
- แฟรนไชส์กาแฟชาวดอยมีหลักสูตรอบรมให้แก่แฟรนไชส์ซี ทั้งแนวทางปฏิบัติแง่มุมธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานของร้านและการฝึกฝนเทคนิคการชงกาแฟให้เหมือนบาริสต้า หมดกังวลทั้งงานขายและงานบริหาร
5. การช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
- แฟรนไชส์ชาวดอยมีทีมงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญคอยทำให้คำปรึกษาทั้งด้านธุรกิจและการตลาด คอยตามซัพพอร์ตเสมอตลอดอายุสัญญา
6. เปิดร้าน
- เมื่อแฟรนไชส์ซีได้วางแผนและวางกลยุทธิ์กับทีมผู้เชี่ยวชาญของชาวดอยมาเป็นอย่างดีแล้ว ในขั้นตอนการเปิดร้านจริงก็จะสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้แบบไร้อุปสรรค
7. โปรแกรมสนับสนุนต่างๆ
- นอกเหนือจากการวิเคราะห์แนวทางและวางแผนจนกระทั่งเปิดร้านแล้ว แฟรนไชส์กาแฟชาวดอยยังมีโปรแกรมสนับสนุนระหว่างดำเนินธุรกิจอีกมากมายหลังเปิดร้าน เพื่อมอบความรู้ให้แก่แฟรนไชส์ซีเพิ่มขึ้นและยังเป็นการช่วยผลักดันลู่ทางสู่ความสำเร็จได้
รวมแบรนด์แฟรนไชส์น่าลงทุน