Easy E-Receipt คืออะไร เริ่มวันไหน ซื้ออะไรได้บ้าง เพื่อลดหย่อนภาษี 2568

Easy E-Receipt คืออะไร เริ่มวันไหน ซื้ออะไรได้บ้าง เพื่อลดหย่อนภาษี 2568

Easy E-Receipt คืออะไร เริ่มวันไหน ซื้ออะไรได้บ้าง เพื่อลดหย่อนภาษี 2568
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 2568 สูงสุด 50,000 บาท เริ่มวันที่ 16 ม.ค. นี้นะ

โครงการ Easy E-Receipt หรือ ช้อปดีมีคืนในอดีต ช่วยผู้เสียภาษีลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 50,000 บาท จากการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีหลักฐานเป็น e-Tax Invoice หรือ e-Receipt โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ลดหย่อนได้ 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการทั่วไปที่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และลดหย่อนได้ 20,000 บาท สำหรับสินค้า OTOP, วิสาหกิจชุมชน, และวิสาหกิจเพื่อสังคม เงื่อนไขสำคัญคือต้องระบุชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อบนเอกสาร เริ่ม 16 ม.ค. - 28 ก.พ. 2568

Easy E-Receipt คืออะไร?

Easy E-Receipt คือ โครงการของรัฐบาลที่พัฒนาจากมาตรการเดิมอย่าง e-Refund/ช้อปดีมีคืน เพื่อสนับสนุนการบริโภคในประเทศ และช่วยให้ประชาชนสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

Easy E-Receipt เริ่มวันไหน

  • Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีปี 2568 เริ่มวันที่ 16 ม.ค .- 28 ก.พ. 68

Easy E-Receipt ซื้อสินค้าอะไรได้บ้าง

เงื่อนไขการลดหย่อนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

  • ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการจาก
    • ร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    • ร้านค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (เฉพาะสินค้าและบริการดังนี้)
      • หนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
      • หนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Book)

  • ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการจาก
    • สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
    • วิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร
    • วิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

เงื่อนไขก่อนใช้สิทธิ Easy E-Receipt

  • ซื้อสินค้า หรือรับบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องมี E-Tax Invoice แบบเต็มรูปเป็นหลักฐาน
  • ซื้อสินค้า หรือรับบริการจากร้านค้าที่ไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเป็นค่าซื้อสินค้า หรือบริการดังนี้ และมี E-Receipt เป็นหลักฐาน
    • ค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book)
    • ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
    • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
    • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

สินค้า-บริการ ที่ไม่สามารถร่วม Easy E-Receipt

  • ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
  • ค่าซื้อยาสูบ
  • ค่าน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ
  • ค่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และค่าซื้อเรือ
  • ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการ สัญญาณอินเทอร์เน็ต
  • ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการ และผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาตามที่มาตรการนี้กำหนด
  • ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พัก โรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม

วิธีใช้สิทธิลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt

  1. แจ้งข้อมูลผู้ซื้อ/ผู้รับบริการ ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการต้องแจ้งข้อมูลให้ผู้ประกอบการเพื่อออกเอกสาร e-Tax Invoice หรือ e-Receipt โดยระบุ

    • ชื่อ-นามสกุล
    • ที่อยู่
    • เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขบัตรประชาชน)

  2. ตรวจสอบข้อมูลใน My Tax Account เมื่อแจ้งข้อมูลครบถ้วน ข้อมูลการซื้อสินค้าและบริการจะถูกบันทึกในระบบ My Tax Account ของผู้เสียภาษีโดยอัตโนมัติ

  3. ยื่นภาษีปี 2568 ใช้ข้อมูลจาก My Tax Account เพื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2568

สรุป มาตรการ Easy E-Receipt เริ่มวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 หากใครซื้อก่อนกำหนดก็จะไม่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook